posttoday

ชลน่านหนุนรพ.ทำสมาธิต้านทานโรค

25 กุมภาพันธ์ 2556

รมช.สธ.ส่งเสริมให้ทำสมาธิในสถานพยาบาลทุกแห่งเพื่อให้จิตใจผ่อนคลายเพิ่มภูมิต้านทานโรค

รมช.สธ.ส่งเสริมให้ทำสมาธิในสถานพยาบาลทุกแห่งเพื่อให้จิตใจผ่อนคลายเพิ่มภูมิต้านทานโรค

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทยกำลังเข้าสู่กระแสวัตถุนิยมอย่างมาก ชีวิตมีแต่ความเร่งรีบ เกิดความกดดันในชีวิตประจำวันจากปัญหาทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม และปัญหาครอบครัว ทำให้เกิดความวิตกกังวลและความเครียดสูง หากประชาชนไม่สามารถปรับตัวและสภาพจิตใจให้รับสถานการณ์ต่างๆที่เข้ามาในชีวิต อาจกลายเป็นคนที่มีความเครียดสูงตลอดเวลา ส่งผลต่อร่างกายทำให้เกิดโรคเรื้อรัง และปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

นพ.ชลน่านกล่าวต่อว่า เนื่องในวันมาฆบูชานี้ ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาหรือวันพระใหญ่ พุทธศาสนิกชนชาวไทยจะไปร่วมกันทำบุญตักบาตร รับศีล ฟังธรรมตามวัดต่างๆ กระทรวงสาธารณสุขขอเชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มวัย ใช้ฤกษ์ดีวันมาฆบูชานี้เป็นวันเริ่มการฝึกทำสมาธิ เนื่องจากการทำสมาธิเป็นการดูแลสุขภาพด้วยวิธีหนึ่ง เป็นเทคนิคของการผ่อนคลายความเครียดที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ใช้แก้ปัญหาได้ดี ลึกซึ้ง สอดคล้องกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนไทย

"เมื่อจิตใจสงบปราศจากความคิดที่ฟุ้งซ่าน ซ้ำซาก จะทำให้เกิดสติปัญญาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต ลดอาการวิตกกังวล ความเศร้าโศก และความโกรธได้ หากทำสมาธิเป็นประจำ จะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายเช่น ระบบทางเดินหายใจ การเผาผลาญพลังงาน ความดันโลหิต และคลื่นสมอง ทำงานเป็นปกติ จิตใจเบิกบาน อารมณ์เย็น สมองแจ่มใส ไม่เครียด"นพ.ชลน่านกล่าว

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้โรงพยาบาลทุกระดับ ใช้เสียงตามสายประชาสัมพันธ์วิธีการฝึกสมาธิขั้นพื้นฐานง่ายๆ ให้แก่ประชาชนที่มารับบริการทั้งผู้ป่วยและญาติ รู้จักวิธีการทำสมาธิระหว่างรอรับบริการ ซึ่งใช้เวลาไม่มาก ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม

นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีโรงพยาบาลศูนย์  โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชนดำเนินการแล้วร้อยละ 65  นอกจากจะช่วยให้จิตใจสงบแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากความเครียดเช่น ไมเกรน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากเมื่อร่างกายมีความเครียดจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น หากปล่อยให้ความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน หลอดเลือดแดงจะเกิดการเสื่อมสภาพ อาจทำให้หลอดเลือดแตกหรือตีบตัน โดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง

นอกจากนั้น ยังทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เกิดปัญหาหัวใจโต กล้ามเนื้อหัวใจหนา จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจวาย และเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ การทำสมาธิจะทำให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphine) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ช่วยให้ร่างกายสดชื่นมีภูมิต้านทานโรค จากผลวิจัยทางการแพทย์พบว่า ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่มีการฝึกทำสมาธิโดยการหายใจช้าและลึก วันละประมาณ 15 นาที ติดต่อกันเป็นเวลา 2 เดือน ค่าความดันโลหิตลดลงมากกว่าผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่ได้เข้ารับการฝึกทำสมาธิ กระทรวงสาธารณสุขจึงสนับสนุนให้คนไทยทุกคน หันมาฝึกการทำสมาธิและควรทำต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน เริ่มจากวันละ 5 นาที เพิ่มเป็น 10 นาทีในวันต่อไป และเพิ่มเป็น 15 นาทีตามลำดับขึ้นไปเรื่อยๆ