posttoday

แพทยสภาหนุนรัฐทำเมดิคอลฮับศัลยกรรม

21 กุมภาพันธ์ 2556

แพทยสภา สนับสนุนแนวคิดรวมแพคเกจสปา-รพ.-ท่องเที่ยวด้วยกัน พร้อมโรดโชว์ทั่วโลก

แพทยสภา สนับสนุนแนวคิดรวมแพคเกจสปา-รพ.-ท่องเที่ยวด้วยกัน พร้อมโรดโชว์ทั่วโลก

นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการยกระดับความเป็นเลิศด้านศัลยกรรมตกแต่งความงามของไทยเพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการศัลยกรรมของเอเชีย โดยระบุว่า ขณะนี้ ทั้งยุโรป และสหรัฐอเมริกา ต่างก็ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น มีการใช้จ่ายด้านความสวยงาม ผิวพรรณเพิ่มมากกว่าปีละ 10% ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น มีอัตราเพิ่มมากกว่ายุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะ การทำศัลยกรรมตกแต่งจมูกและตา

จึงเป็นโอกาสที่แพทยสภา จะขยายฐานการให้บริการด้านการศัลยกรรมความงาม จากฐานคนไทยปกติ 65 ล้านคน เพิ่มเป็น 600 ล้านคน หลังเปิดประชาคมอาเซียน ในปี 2558 เมื่อนับรวมกับผู้ที่ต้องการทำศัลยกรรมจากทวีปยุโรป และจากตะวันออกกลาง ก็จะทำให้ไทย มีโอกาสขยายตัวด้านเป็นศูนย์กลางการทำศัลยกรรมมากขึ้น

“เราสร้างหมอเอง ปีละ 2,000 กว่าคน จากหมอไทย เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค  ถ้าสามารถทำเป็นโครงการที่เข้มแข็ง เพื่อทำโรดโชว์ และรวมแพคเกจด้านสุขภาพและการท่องเที่ยวเข้าด้วยกัน  ไม่ว่าจะเป็น สถานบริการทางการแพทย์ สปา โรงแรม โดยเมื่อชาวต่างชาติเข้ามาศัลยกรรมครั้งหนึ่ง ก็สามารถใช้บริการเหล่านี้ได้ทั้งหมด ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศัลยกรรมเสริมความงามของโลก ทั้งนี้ จากข้อมูลของแพทยสภาระบุว่า แพทย์ไทย มีความสามารถด้านการผ่าตัดแปลงเพศก็เป็นอันดับ 1 ของโลก เช่นเดียวกับการทำจมูก ทำตา และทันตแพทย์ก็สามารถทำตกแต่งศัลยกรรมเป็นอันดับต้นๆ โดยที่ราคาไม่แพงมากนัก” นพ.สัมพันธ์กล่าว

ขณะที่นพ.ชลธิศ สินรัชตานนท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศเดียว ที่พัฒนาการแพทย์ โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมสูงที่สุดในโลก  แต่คนไทยกลับไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้แทน และนำเงินเข้าเกาหลีใต้มหาศาล จึงอยากให้คนไทยทำศัลยกรรมในประเทศตัวเองมากกว่า ทั้งนี้ การขยายตัวของธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม จะไม่ส่งผลกระทบกับการผลิตแพทย์ในระบบ เนื่องจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในสาขานี้ แต่ละปี ผลิตออกมาเพียง 100 คน จากทั้งหมด 2,000 คน และจะต้องฝึกประสบการณ์มากกว่า 10 ปี โดยขอให้กระทรวงสาธารณสุขสนับสนุน เนื่องจาก สาขาศัลยกรรม จะสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศอย่างมหาศาล และสามารถนำไปพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพได้ด้วย