อ้างเป็นนักวิชาการเตรียมติดสติกเกอร์โจมตีเบอร์9

ผบช.น ขอผู้สมัครผู้ว่า ฯหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ หลังจับกุมหนุ่มใหญ่เตรียมติดสติกเกอร์โจมตี พงศพัศ

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีที่ตำรวจสน.พหลโยธินจับกุม  นายหทัยวุฒิ สายทอง อายุ 45 ปี ที่อ้างตัวว่าเป็นนักวิชาการด้านการศึกษา ขณะนำสติกเกอร์มีข้อความอาทิ “ไม่เลือกผู้ว่าสร้างภาพ” “เผาบ้านเผาเมือง” และ “ทักษิณติดคุก” เตรียมนำไปติดที่ป้ายหาเสียงของพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้เมื่อวันที่  20 ก.พ.2556 เวลาประมาณ 21.00 น. นั้น

ว่า ขณะนี้กำลังให้ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักของนายหทัยรัตน์ และพบว่ามีสติกเกอร์ข้อความโจมตีผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพฯหมายเลข 9 อีกจำนวนมาก และบางส่วนกำลังนำไปติดไว้ตามป้ายหาเสียง ซึ่งตำรวจกำลังตรวจสอบว่าทำเป็นกลุ่มหรือทำคนเดียว

อย่างไรก็ตามขอให้ผู้สมัครฯ ทุกคนหาเสียงอย่างบริสุทธิ์ อย่าโจมตีกันไปมาเพราะอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ยุติธรรมมากที่สุด ให้แข่งขันกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตำรวจนครบาลมีความพร้อมเต็มที่ในการรับมือการเลือกตั้ง พร้อมวางกำลังเข้มงวดป้องกันการทุจริตทุกรูปแบบ

“ผมบอกได้เลยว่าจะโกงเลือกตั้งเพื่อชนะ ไม่ทางทำได้แน่ ผมสั่งให้ติดกล้องวงจรปิดตรวจสอบทุกเขตเลือกตั้งด้วย เพื่อป้องักนทุกวิถีทางที่จะมาทำทุจริตกัน และหากจับได้ว่ามีการโกงเลือกตั้งจะนำมาแถลงข่าวทันที พร้อมทั้งหากตำรวจจับโกงได้จะได้รับรางวัลอีกด้วย ผมอยากให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันมากๆ และอย่าไปหลงคำเชื่อของใครเพื่อให้โกงเลือกตั้ง ส่วนใครมาซื้อเสียงก็ให้รับเงินไว้ แต่ไม่ต้องไปเลือกมัน” ผบช.น. กล่าว

ตำรวจค้นโรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์

พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เดินทางเข้าสอบปากคำ นายหทัยวุฒิ สายทอง อายุ 45 ปีนักวิชาการศึกษา 5 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) กรุงเทพมหานคร เขต 2 ผู้ต้องหาตามความผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งจากกรณีจัดทำสติกเกอร์ที่มีข้อความระบุว่า "เราไม่เลือกผู้ว่าฯสร้างภาพ, เผาบ้านเผาเมือง และรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพร้อมข้อความทักษิณติดคุก" ตระเวนติดตามป้ายหาเสียงของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย

พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า ในวันนี้ ฝ่ายสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจค้นสถานที่ทำงานภายในโรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ ซึ่งผู้ต้องหาใช้จัดทำสติ๊กเกอร์ พบหลักฐานเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ ปริ้นเตอร์ ที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงอุปกรณ์บันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (แฟลชไดรฟ์) ที่เก็บภาพสติกเกอร์ข้อความเหล่านั้นไว้

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามความผิด พ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น มาตรา 57 อนุ 5 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 - 10 ปรับ 20,000 - 100,000บาท และจะทำการจะตรวจสอบในเชิงลึกว่า พฤติการณ์ดังกล่าวมีการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามหรือไม่ รวมไปถึงในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง ได้จะสั่งการให้สายตรวจเพิ่มความเข้มข้นในการออกตรวจตราพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังการทำลายป้ายหาเสียงของทุกพรรคการเมือง