posttoday

สธ.สั่งเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ

14 กุมภาพันธ์ 2556

สธ. สั่งทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง หลังองค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือน

สธ. สั่งทุกจังหวัดเฝ้าระวังโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง หลังองค์การอนามัยโลกออกประกาศเตือน 

เมื่อวันที่ 14 ก.พ. องค์การอนามัยโลก ออกประกาศให้กระทรวงสาธารณสุขทั่วโลก คงระบบเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง หลังมีรายงานจากประเทศอังกฤษว่า มีผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2012 (Novel Corona Virus : NCoV) 2 ราย เป็นชาวอังกฤษ โดยรายแรกมีอาการป่วยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 ม.ค. มีประวัติเดินทางกลับจากประเทศปากีสถาน และซาอุดิอาระเบีย

ส่วนรายที่ 2 เป็นญาติของผู้ป่วยรายแรก กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จนถึงล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.พ. องค์การอนามัยโลกรายงานว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อจำนวน 11 ราย จึงออกประกาศแนะนำให้ประเทศสมาชิก ดำเนินการเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันที่มีอาการรุนแรง โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเดินทางกลับจากกลุ่มประเทศคาบสมุทรอาราเบียนและประเทศใกล้เคียง

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่าได้สั่งการให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป เฝ้าระวังผู้ป่วยโรคปอดบวม หรือมีปัญหาติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่มีอาการรุนแรง มีไข้สูง และปอดผิดปกติทุกราย เพื่อคัดกรองผู้ติดเชื้อ รวมถึงไข้หวัดนกและโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ 2012 เนื่องจาก 2 โรคนี้อาการใกล้เคียงกัน ขณะนี้พบว่ายังมีการระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน และให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ประสานทำงานร่วมกับองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด เพื่อวางความพร้อมระบบการป้องกันโรคในประเทศได้ทันที

ด้านนพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยังไม่พบสัญญาณผิดปกติ โดยผู้ป่วยโรคปอดบวมทั้งหมดเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ทั้งนี้ ในปี 2556 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. -4 ก.พ. พบผู้ป่วยโรคปอดบวม 16,376 รายจาก 77 จังหวัด เสียชีวิต 28 ราย ซึ่งเป็นเรื่องที่พบตามฤดูกาล ทั้งนี้ ในด้านระบบการดูแลผู้ป่วยโรคปอดบวม โดยสธ.มีความพร้อมและมีมาตรฐานในการเฝ้าระวัง ไม่ให้มีการแพร่ระบาด และยังทำงานเชื่อมโยงกับศูนย์ควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาหรือซีดีซี และองค์การอนามัยโลก

ทั้งนี้ คนไทยยังสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามปกติ และองค์การอนามัยโลกยังไม่แนะนำข้อห้ามในการเดินทางไปประเทศที่พบผู้ติดเชื้อ จึงอย่าวิตกกังวลและขอให้ปฏิบัติรักษาสุขอนามัย โดยเฉพาะการล้างมือหลังสัมผัสสิ่งของต่างๆ เมื่อมีอาการป่วย มีไข้สูง ไอ หายใจหอบ ขอให้รีบพบแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน