posttoday

พี่ยื่นผบ.ตร.ขอความเป็นธรรมคดีฟ้อง"ปริญญา"

04 กุมภาพันธ์ 2556

พี่สาวยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอความเป็นธรรมคดีฟ้องร้อง "ปริญญา ธรรมวัฒนะ" แจ้งบัญชีเท็จ ไซฟ่อนเงินตลาดยิ่งเจริญ

พี่สาวยื่นหนังสือถึง ผบ.ตร. ขอความเป็นธรรมคดีฟ้องร้อง "ปริญญา ธรรมวัฒนะ" แจ้งบัญชีเท็จ ไซฟ่อนเงินตลาดยิ่งเจริญ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นางณฤมล มังกรพานิชย์ อายุ 55 ปี และ น.ส.คนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ อายุ 57 ปี เข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม หลังมีเรื่องฟ้องร้องกับนายปริญญา ธรรมวัฒนะ น้องชายซึ่งเป็นเจ้าของตลาดยิ่งเจริญ ในผลประโยชน์ของบริษัท

นางณฤมล กล่าวว่า ปี 2549 นายปริญญา ได้ใช้สิทธิไม่สุจริตฉ้อฉลให้พี่สาวทั้ง 2 คน โอนเกลี่ยหุ้นที่ได้รับโอนมาจากนายนพดล ธรรมวัฒนะ ไปให้นายวิกรม และนายวิราช ลูกชายของนายเทอดชัย ซึ่งเป็นพี่ชายต่างมารดาที่สาบสูญ โดยอ้างว่าเพื่อให้ทายาททุกคนถือหุ้นในจำนวนเท่าๆกัน

"ในคดีนี้ศาลแพ่งพิพากษาว่านิติกรรมการการโอนหุ้น บริษัท สุวพีร์ ธรรมวัฒนะ จำกัด เป็นโมฆะ เพราะนายปริญญากับนายวิกรม ฉ้อฉล โดยยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญา"นางณฤมล กล่าว

หลังจากนั้นมา นายปริญญา ได้ใช้อำนาจจากหุ้นเสียงข้างมากปลดทั้ง 2 คนออกจากทุกบริษัทของตระกูล จนปัจจุบันมีกรรมการบริษัทเพียง 3 คนคือ นายปริญญา นายจรินทร์ และนายวิกรม

นางณฤมล กล่าวว่าจากเดิมที่มีหุ้น ร้อยละ 52 ทำให้เหลือเพียงร้อยละ 49 หลังจากใช้อำนาจปลดออกจากทั้ง 2 บริษัทแล้ว นายปริญญาได้ทำการไซฟ่อนเงิน ยักย้ายถ่ายเทรายได้ของตลาดยิ่งเจริญ ผ่านระบบบัญชีต่างๆ ของบริษัท ก้าวไว จำกัดและบริษัทในเครือของนางณฤมล ทำให้บริษัทครอบครัว 3 บริษัทเสียหายกว่า 800 ล้านบาท

"เรายังตรวจสอบเอกสารการหักภาษี ณ ที่จ่ายของบริษัท ก้าวไว มีการลงข้อความเท็จในบัญชีอีกหลายรายการรวมแล้วกว่า 40 ล้านบาท  เราจึงเดินทางไปร้องกล่าวโทษที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีตามมาตา 42 แห่งพ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด จนนำไปสู่การขอหมายศาลอาญาเพื่อเข้าค้นเมื่อวันที่10-11 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจได้ยึดหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ 4 เครื่องและเอกสารทางบัญชี ไว้ในกล่องปิดผนึกเก็บที่กองปราบ และทำให้ ผบก.ป.ถูกนายปริญญาฟ้องด้วย"นางณฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ที่ผ่านมานางณฤมล ยอมรับว่าไม่อยากจะฟ้องร้องน้องชายเนื่องจากเกิดความอาย พยายามอดทนไม่บอกให้สังคมรับรู้

"แม่ได้ทำไว้ให้กับลูกทุกคนเท่าๆกัน เป็นธุรกิจพี่น้องแต่ในการประชุมนายปริญญากลับมอบอำนาจให้ทนายความเข้าประชุมแทน เอาทนายความมาคุยกับพี่น้องตลอด ครั้งนี้เหลืออดแล้วจริงๆ  ที่ต้องมาฟ้องร้องขอความเป็นธรรมเพราะเรื่องที่อยู่ในศาลฎีกานั้นไม่รู้อีกกี่ปีจะจบ บริษัทน่าจะเสียหายไปแล้วนับพันล้านบาท ส่วนของเราที่แม่ทำไว้ให้ 7 ปีที่ผ่านมาไม่เคยได้เงินปันผลแม้แต่บาทเดียว"นางณฤมลกล่าว

นางณฤมล กล่าวว่า หวังว่าเรื่องฟ้องร้องกันระหว่างพี่น้องนี้น่าจะไกล่เกลี่ยกันได้ เพราะไม่อยากให้สังคมเห็นความแตกแยกในครอบครัว

"ตอนนี้พี่น้องไม่คุยกันเมื่อก่อนก็ปกติแต่พอฟ้องร้องกันก็ไม่คุยกันเลย เราอดทนไม่อยากฟ้องสังคมให้รู้ อยากจะสอนลูกหลานให้รักสามัคคีกัน แต่สิ่งที่นายปริญญา กระทำกับคนในครอบครัวนั้นไม่เหมือนภาพและคำพูดที่ออกสื่อเลย"นางณฤมลกล่าว