ชาวบ้านผวาเจอขยะติดเชื้อกลางป่า

ชาวสุรินทร์ผวามือมืดแอบทิ้งขยะติดเชื้อทางการแพทย์รวม7กระสอบไว้กลางป่าสาธารณะ

นายวีระ  หมายกล้า  ผู้ใหญ่บ้านปะ หมู่ 6 ต.ตั้งใจ อ.เมือง จ.สุรินทร์  ร้องเรียนว่า พบขยะติดเชื้อทางการแพทย์รวม 7 กระสอบ ถูกทิ้งไว้กลางป่าสาธารณะใกล้หมู่บ้านสร้างความผวาให้กับชาวบ้านอย่างหนักเนื่องจากกลัวติดเชื้อโรค ซึ่งขยะติดเชื้อทางการแพทย์ดังกล่าว ประกอบไป ด้วยถุงและสายยางคล้ายชุดสายน้ำเกลือจำนวนมาก บรรจุในกระสอบป่านจำนวน 4 ใบ และกระสอบปุ๋ยจำนวน 3 ใบ รวมทั้งหมด 7 ใบ 
 
ด้าน นายพิทักษ์  กะภูทิน นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ ประจำ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ตั้งใจ พร้อมด้วย นายสุนทร  สายยศ กำนัน ต.ตั้งใจ และนายบัญชา  สุยคง นายกอบต.ตั้งใจ พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 10 คน ลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมกัน  เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นขยะติดเชื้อเกรงจะเป็นอันตรายแก่ชาวบ้านในพื้นที่ หลังจากก่อนหน้านี้ในพื้นที่ อ.ท่าตูม ได้มีผู้รับเหมาทำลายขยะนำขยะติดเชื้อทางการแพทย์ไปทิ้งในป่าในพื้นที่ อ.ท่าตูมมาแล้วหลายจุด  ซึ่งครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้รับเหมารายนั้นตามที่เสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
 
ทั้งนี้หลังจากการลงพื้นที่พบกระสอบป่านที่บรรจุขยะดังกล่าวเขียนชื่อไว้ด้วยสีเมจิกสีน้ำเงิน ระบุว่า เสือระกา ซึ่งเจ้าหน้าและชาวบ้านเมื่อเห็นข้อความจึงทราบทันทีว่าเสือระกา น่าจะเป็นขยะของนายบุญสวน หรือเสือ  สุขแสวง   อยู่บ้านเลขที่ 67 หมู่ 3 บ้านระกา ต.ตั้งใจ อย่างแน่นอน จึงได้มีการประสานงานสอบถามกับนายบุญสวน จนทราบว่า  ขยะดังกล่าวเป็นของนายบุญสวนจริง และเป็นแค่ถุงยาล้างไตของภรรยา คือนางเพียบ  สุขแสวง  ซึ่งป่วยเป็นโรคไตมากว่า 5 ปีแล้ว  และต้องใช้ยาล้างไตสอดล้างเข้าที่หน้าท้องเป็นประจำทุกวัน  ซึ่งขยะก่อนหน้านี้ก็เคยนำไปทิ้งตามถังขยะในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์มาแล้ว  แต่จำนวน 7 กระสอบดังกล่าวเป็นขยะจากการล้างไตของภรรยาที่สะสมรวมกันมากว่า 4 เดือน  จึงไม่มีที่ทิ้งและอีกอย่างรีบไปทำธุระจึงขับรถบรรทุก 6 ล้อนำมาทิ้งดังกล่าวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่ทราบวิธีกำจัดที่ถูกต้อง
 
ด้านนายพิทักษ์  กะภูทิน นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ รพ.สต.ตั้งใจ กล่าวภายหลังจากตรวจสอบว่า อันดับแรกได้แจ้งให้สาธารณสุขอำเภอและจังหวัดทราบเรื่องและได้กั้นเขตห้ามเข้าไว้ด้วยเชือกฟางไว้ก่อน ซึ่งขยะดังกล่าวเป็นขยะที่ไม่อันตรายนัก อาจจะมีเชื้อโรคบ้างเนื่องจากเป็นการล้างไต ซึ่งเป็นของเสียจากร่างกาย ไม่ถือว่าอันตรายและติดเชื้อรุนแรงนัก โดยจากการรายงานเรื่องไปยังสาธารณสุขอำเภอ  ได้แนะนำให้นายบุญสวนฯเจ้าของขยะที่นำมาทิ้งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นำไปกำจัดโดยการเผาในท่อซีเมนต์ และทำการทยอยเผา จากนั้นให้นำซากที่เหลือจากการเผาไปฝังกลบต่อไป ซึ่งนายบุญสวนฯได้รับปากจำมาขนไปทำลายในเย็นวันนี้