posttoday

ล่อซื้อจับทหารเก๊ร่วมพระค้าปืนเถื่อน

24 มกราคม 2556

ตำรวจอุดรธานีล่อซื้อจับแก๊งทหารปลอมร่วมกับพระขายปืนเถื่อนในสำนักสงฆ์

ตำรวจอุดรธานีล่อซื้อจับแก๊งทหารปลอมร่วมกับพระขายปืนเถื่อนในสำนักสงฆ์

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวรรณ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.อารี สินธุรา ผกก.สส.ภ.จ.อุดรธานี พร้อมกำลังสืบสวน ภูธร จ.อุดรธานี  หลังสืบทราบมีชายอ้างตัวเป็นตำรวจสันติบาล ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนในเขต จ.อุดรธานี  จึงวางแผนล่อซื้อนัดตกลงราคา และดูสินค้าที่สำนักสงฆ์บ้านสร้างคำ ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และตกลงซื้อขายในราคา 190,000 บาท และนัดหมายซื้อขายกันที่ศาลาพักผู้โดยสาร บ้านเม่น ถนนอุดร-หนองคาย กม.ที่ 15  ต.บ้านขาว อ.เมือง จ..อุดรธานี

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายจันทร รักขะเสน หรือจ่อย  อยู่บ้านเลขที่ 424 หมู่ 10 ต.กลางใหญ่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ขับรถยนต์กระบะเชฟโลเลต สีบรอนซ์ มาจอดบริเวณนัดหมาย ตรวจค้นพบอาวุธปืนพกสั้น 5 กระบอก คือรีวอลเวอร์ ขนาด .32 บรรจุกระสุน 6 นัด , ปืนพกสั้นไทยประดิษฐ์ .38 มม. บรรจุกระสุน 5 นัด , อาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ขนาด .38 มม. ยี่ห้อรีวอลเวอร์ , อาวุธปืนสั้นแบบลูกโม่ขนาด .22 ยี่ห้อรีวอลเวอร์ และอาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ .38 มม. เครื่องกระสุนปืนขนาด .32 จำนวน 17 นัด วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง โทรศัพท์ 1 เครื่อง ซองปืนสีดำ 2 ซอง

นายจันทร ให้การรับสารภาพยังมีปืนซุกซ่อนอยู่ในสำนักสงฆ์สร้างคำอีก 2 กระบอก จึงไปตรวจค้นจับกุมพระศักดิ์ชัย ปิยะธรรมโม หรือศักดิ์ชัย วงศ์คำหาญ  และนายเตียน นครธรรม  อยู่บ้านเลขที่ 93 หมู่ 11 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี พร้อมอาวุธปืนอาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 , อาวุธปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ 410  กระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด กระสุนปืนขนาด .38  จำนวน 17 นัด กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 7 นัด ซุกซ่อนอยู่ใต้อาสนะพระศักดิ์ชัย และอาวุธปืนสั้นขนาด .32 แบบลูกโม่
 
นายจันทร ให้การรับสารภาพว่า เป็นเซียนพระ แต่ชอบแต่งกายคล้ายทหาร และอ้างตัวเป็นผู้พันทหารฝ่ายข่าวกรอง สังกัด กอ.รมน. จนชาวบ้านเชื่อและเรียกเขาว่าผู้พันจ่อย อาวุธปืนที่ตำรวจค้นได้ในรองเท้า และภายในรถยนต์กระบะ รวม 5 กระบอกนั้นเป็นของเขาจริง ซึ่งได้ซื้อมาจากเพื่อนชื่อ นายต้น ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง ราษฎร อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย แล้วนำมาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นใน อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี โดยใช้สำนักสงฆ์สร้างคำเป็นที่ซุกซ่อนและติดต่อซื้อขายกัน ด้านพระศักดิ์ชัย ให้การว่า บวชมา 11 พรรษา และมาตั้งสำนักสงฆ์อยู่ที่บ้านสร้างคำ และกำลังรวบรวมเงินพัฒนาสำนักสงฆ์ให้เป็นวัดเต็มรูปแบบ ด้วยการดูดวง สะเดาะเคราะห์ทุกรูปแบบให้ชาวบ้าน
 
ด้านพระศักดิ์ชัย ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนรู้เห็นในการค้าอาวุธปืน เพียงแต่รับจำนำปืนจากนายจันทร ซึ่งตอนนั้นเชื่อสนิทใจว่าเป็นทหารสังกัด กอ.รมน. โดยเมื่อ 2 ปีก่อน นายจันทรได้นำอาวุธปืนมาจำนำในราคา 8,000 บาท จึงนำเงินที่ได้จากการทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้ชาวบ้าน ที่เก็บสะสมไว้พัฒนาสำนักสงฆ์ให้เป็นวัดเต็มรูปแบบให้นายจันทรไป แต่ก็ไม่ยอมถ่ายคืน กระทั่งมาถูกตำรวจตรวจค้น  ส่วนนายเตียนเจ้าของรถกระบะ ก็ปฏิเสธเช่นกัน อ้างว่าก่อนตำรวจเข้าตรวจค้นและจับกุม พระศักดิ์ชัย ได้โทรศัพท์ให้มาหาที่สำนักสงฆ์ บอกว่าผู้พันจ่อยจะขอยืมรถไปทำธุระ กระทั่งถูกตำรวจค้นพบอาวุธปืนซุกซ่อนในรถกระบะของตน และตรวจค้นบ้านก็พบอาวุธปืนอีก 1 กระบอก ซึ่งตนไม่มีส่วนรู้เห็น  แต่พระศักดิ์ชัยให้การซัดทอดว่า นายเตียน เจ้าของรถกระบะมีส่วนรู้เห็นให้การค้าอาวุธปืนครั้งนี้ด้วย
 
ด้าน พ.ต.อ.พยุงศักดิ์ นามวรรณ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.4 เปิดเผยว่า จาการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ต่างโยนความผิดให้กันไปมา เพื่อเอาตัวรอด ซึ่งในชั้นสอบสวนจับกุม ผู้ต้องหาสามารถปฏิเสธได้ แต่จากแนวทางการสืบสวน เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ตำรวจสืบทราบว่า นายจันทร หรือจ่อย  มีพฤติกรรมค้าอาวุธปืนให้กับกลุ่มวัยรุ่นในเขตพื้นที่ อ.เพ็ญ โดยใช้สำนักสงฆ์เป็นที่ซุกซ่อนอาวุธ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแอบอ้างตัวเป็นทหารหน่วยข่าวกรองของ กอ.รมน.  ยศพันโท หรือที่ชาวบ้านในเขต ต.เชียงหวาง รู้จักกันในนาม ผู้พันจ่อย และยังพกบัตรรองประธานภูมิภาคที่ 2 หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษสันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย สังกัดกองอำนวยการความมั่นคงภายใน หรือ กอ.รมน.ซึ่งตำรวจเชื่อเป็นบัตรที่ทำขึ้นมาเอง รวมถึงเครื่องแบบคล้ายทหารที่สวมใส่อยู่ในขณะตำรวจเข้าจับกุมตัวด้วย