posttoday

กวาดล้างลอบค้าสัตว์ป่ายึดกว่า120ตัว

22 มกราคม 2556

"ธีรภัทร" แถลงผลกวาดล้างค้าสัตว์ป่า3วัน ยึด "นาก-นก" กว่า 120 ตัว เตรียมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องกำหนดโทษหนัก

"ธีรภัทร" แถลงผลกวาดล้างค้าสัตว์ป่า3วัน ยึด "นาก-นก" กว่า 120 ตัว เตรียมประสานหน่วยงานเกี่ยวข้องกำหนดโทษหนัก

นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้กล่าวถึงสถานการณ์การลักลอบค้าสัตว์ป่าว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. เจ้าหน้าที่ด่านตรวจสัตว์ป่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ตรวจกระเป๋าสัมภาระต้องสงสัยของผู้โดยสาร 1 ใบ บริเวณจุดตรวจสัมภาระน้ำหนักเกิน Y4 ห้องผู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก โดยพบว่ากระเป๋าสัมภาระดังกล่าวไม่มีแท็กแผ่นป้ายระบุ และไม่พบเจ้าของ จึงนำกระเป๋าใบดังกล่าวไปเอ็กซเรย์และตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบว่า ในกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวมีสัตว์ป่า (นาก) จำนวนรวม 11 ตัว

ต่อมาจึงได้ให้เจ้าหน้าที่ของกลุ่มงานวิจัยสัตว์ป่ามาจำแนกนากทั้ง 11 ตัวพบว่า เป็นชนิดพันธุ์นากใหญ่ขนเรียบ 6 ตัว และชนิดพันธุ์นากเล็บสั้น 5 ตัว ซึ่งคาดว่าผู้ที่ลักลอบนั้นต้องการจะนำนากไปแสดงละครสัตว์หรือประกอบอาชีพเพื่อหารายได้ และผู้ต้องสงสัยขณะนี้ทางกรมอุทยานฯ ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมส่งรูปพรรณสัณฐานให้กับด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อสกัดจับต่อไป

ทั้งนี้สัตว์จำพวกนาก เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองและเป็นของต้องจำกัดในการส่งออก คือต้องได้รับอนุญาตก่อนการส่งออก ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2482 จึงได้ตรวจยึดนากทั้งหมดไว้เป็นของกลางในความผิดตามมาตรา 27 พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 16 และ 17 แห่งพ.ร.บ.ศุลกาการ (ฉบับที่9) พ.ศ.2482 มาตรา 23 วรรคแรก พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และพ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 ล่าสุดได้แจ้งความต่อสถานีตำรวจภูธรสุวรรณภูมิไว้ และนำสัตว์ป่าของกลางส่งฝ่ายสุขภาพสัตว์ป่าเพื่อกักกันโรคและฟื้นฟูสุขภาพ ก่อนที่จะนำไปอนุบาลดูแลที่สถานีเพราะเลี้ยงนกน้ำบางพระ จ.ชลบุรี และสถานที่เพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานีต่อไป

ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ได้พบนกถูกขังในกรงไม้จำนวน 2 กรง รวมทั้งสิ้น 6 ตัว โดยกรงที่ 1 เป็นนกปรอดหัวโขนขังรวมกันจำนวน 3 ตัว กรงที่ 2 เป็นนกกางเขนดงขังรวมกันจำนวน 3 ตัว และเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2556 ได้พบนกปรอดหัวโขนถูกขังในกรงไม้ กรงเหล็ก และกล่องกระดาษจำนวน 25 ตัว และนกปรอดคอลายจำนวน 2 ตัว รวมทั้งสิ้น 27 ตัว วางทิ้งไว้ไม่มีเจ้าของ บริเวณตลาดนัดจตุจักร จึงได้ทำการตรวจยึดสัตว์ป่าของกลางดังกล่าว

ทั้งนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา 19 มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 20 ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 55 รับไว้ด้วยประการใด ซื้อ ช่วยจำหน่ายสัตว์ป่า ซึ่งได้มาโดยการกระทำผิด

ขณะที่ วันที่ 22 ม.ค.ยังพบ นกกระติ๊ดขี้หมู 83 ตัว ถูกขังไว้ในกรงไม้ไม่มีเจ้าของ จึงยึดสัตว์ป่าของกลางดังกล่าวเข่นกัน โดยแจ้งข้อหาการกระทำความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535  มาตรา 19 มีสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มาตรา 20 ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมาตรา 55 รับไว้ด้วยประการใด ซื้อ ช่วยจำหน่ายสัตว์ป่า ซึ่งได้มาโดยการกระทำผิด ทั้งนี้นกที่เป็นของกลางทั้งหมดถูกนำไปอนุบาลและฟื้นฟูสุขภาพที่สถานีเพาะเลี้ยงนกน้ำบางพระ จ.ชลบุรี

“เนื่องจากปัจจุบันกฎหมายยังไม่รุนแรงมาก ทำให้ผู้ค้ายังคิดที่จะเสี่ยงในการลักลอบค้าสัตว์ป่า หลังจากนี้ก็จะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากการแค่ปรับไม่กี่พันกี่หมื่นบาท อาจต้องมีการจำคุกด้วย จึงขอฝากเตือนผู้ลักลอบค้าทุกคนว่ากฎหมายจะมีความเข้มข้นขึ้นแน่นอน” นายธีรภัทร กล่าว

นายธีรภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า ปี 2555 ที่ผ่านทางกรมอุทยานฯ ได้มีการจับกุมและดำเนินคดีไปกว่า 700 คดี ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลก็จับกุมไปกว่า 100 คดี และจากเดือนตุลาคม 2555 จนถึงเดือนมกราคม 2556 นี้ ได้มีการจับกุมได้เกือบ 60 คดีแล้ว

สำหรับปัญหาการลักลอบค้างาช้างแอฟริกานั้น นายธีรภัทร เผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469 และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 และอาจมีงานช้างแอฟริกาไปใช้เป็นผลิตภัณฑ์ปะปนกับงานช้างบ้าน ดังนั้น นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว อธิบดีกรมอุทยานฯ จึงสั่งการให้มีการประชุมผู้ประกอบการค้างาช้างและผลิตภัณฑ์จากงาช้างบ้านทั่วประเทศ โดยจะจัดประชุมใน 17 พื้นที่สำคัญ ช่วงระหว่างเดือนม.ค.ถึงก.พ.

ทั้งนี้จะมีขั้นตอนที่ต้องชี้แจงให้ผู้ประกอบการทราบในการขึ้นทะเบียนร้านค้างาช้าง มีใบกำกับจากกรมปศุสัตว์ในการเคลื่อนย้าย การทำบัญชีผลิตภัณฑ์งาช้างบ้าน และการให้ใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องแก่ผู้ซื้อ เมื่อโครงการดังกล่าวเสร็จ ปลายเดือนก.พ.จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบทุกร้านค้าว่า ได้ดำเนินการตามขึ้นตอนดังกล่าวหรือไม่ หาไม่ดำเนินการจะไม่การแจ้งเตือน และหากยังไม่ดำเนินการอีก จะเสนอกระทรวงพาณิชย์ใบอนุญาตการค้าทันที