posttoday

ศาลอาญารับฟ้องปมเขาพระวิหาร

14 มกราคม 2556

ศาลอาญารับคำฟ้องกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดินกล่าวหาก.ต่างประเทศปฎิบัติหน้าที่มิชอบปมปราสาทเขาพระวิหาร

ศาลอาญารับคำฟ้องกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดินกล่าวหาก.ต่างประเทศปฎิบัติหน้าที่มิชอบปมปราสาทเขาพระวิหาร

เมื่อเวลา 10.30 น. นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ พร้อมด้วย ม.ล.วัลย์วิภา บุรุษพันธุ์ และนายสมบูรณ์ ทองบุราณ แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง กระทรวงการต่างประเทศ ,นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ,นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ , นายภาสกร ศิริยะพันธุ์ อธิบดกรมเอเชียตะวันออก , นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กระทรวงต่างประเทศ และนายธัชชยุติ ภักดี รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นจำเลยที่ 1-6 ในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,90 ,91,157 และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นและประชาชน

คำฟ้องบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ.55 จำเลยทั้ง 6 ได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตามสายบังคับบัญชา โดยร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อให้มีการเผยแพร่เอกสารชื่อ "ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบเกี่ยวกับกรณีปราสาทพระวิหารและการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา” โดยมีการบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการเสนอบันทึกการประชุมคณะกรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (joint boundary commission-jbc) จำนวน 3 ฉบับ ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็น โดยระบุว่า “เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 54 กระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือแจ้งให้กัมพูชาทราบถึงการมีผลใช้บังคับของบันทึกการประชุมฯทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายในประเทศไทยเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้มีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 54 รับทราบการแจ้งของไทยและแจ้งว่า สำหรับกัมพูชา บันทึกการประชุมฯทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว มีผลบังคับใช้ตั้งแต่สิ้นสุดการประชุมเมื่อวันที่ 7 - 8 เม.ย. 52" ซึ่งได้มีการแจกจ่ายเอกสารต่อประชาชน ต่อเนื่องมาถึงวันที่ 15 มี.ค. 55 จำเลยทั้ง 6 ได้นำเนื้อหาข้อความดังกล่าวไปโพสในเว็ปไซต์ http://www.mfa.go.th/ ของจำเลยที่1 เพื่อเผยแพร่ให้แก่ประชาชนและต่างชาติรับทราบทั่วโลก

ข้อความดังกล่าวนั้นเป็นความเท็จ ทำให้เกิดความสับสนว่าบันทึกทั้ง 3 ฉบับมีผลผูกพันตามกฎหมายกับประเทศไทยแล้ว ซึ่งความจริงยังไม่ได้มีผลบังคับ เพราะการดำเนินการตามกระบวนกฎหมายในประเทศไทยยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากบันทึกทั้ง 3 ฉบับยังไม่ได้ผ่านการลงมติรับรองโดยรัฐสภาไทย ตามขั้นตอนของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ศาลได้รับคำฟ้องไว้เพื่อนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ต่อไป

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ดำเนินการล่ารายชื่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกรณีประสาทพระวิหารได้แล้วประมาณ 7 แสนรายชื่อ ซึ่งยังขาดอีก 3 แสนรายชื่อ เพื่อชุมนุมเดินขบวนไปยื่นหนังสือ พร้อมรายชื่อประชาชนที่เห็นด้วยประมาณ 1 ล้านรายชื่อ ต่อประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานสูงสุดของอำนาจตุลาการ และต่อผู้นำเหล่าทัพในฐานะกลไกด้านความมั่นคง ให้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยความมั่นคงของรัฐ สถาบันพระมหากษัตริย์ ผลประโยชน์แห่งชาติ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ต่อไป

ทั้งนี้คาดว่าวันที่ 21 ม.ค.นี้จะสามารถรวบรวมรายชื่อครบ 1 ล้านรายชื่อ เมื่อครบแล้วจะมีการเปิดแถลง และจะดำเนินมาตรการเคลื่อนไหวประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามมาตรา 3 แห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อร่วมกันทำหน้าที่ภายใต้สิทธิเสรีภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ