posttoday

ที่สุดคดีดังปีมะโรง‘หมอสุพัฒน์’กระทิงแดง

26 ธันวาคม 2555

โดย...ธนก บังผล

โดย...ธนก บังผล

หากคัดเลือกคดีอาชญากรรมในรอบปี 2555 ให้เหลือแบบที่สุดของที่สุด คนกล่าวขวัญทอล์กออฟเดอะทาวน์กันทุกวงการ กรองแล้วเหลือเพียง 2 คดีเด็ด

หนึ่งคือคดีการหายตัวไปของ 2 สามีภรรยาที่ จ.เพชรบุรี อย่างลึกลับเมื่อ 3 ปีก่อน ที่เรื่องกลับไม่เงียบหายไปเมื่อรถของทั้งคู่ไปจอดอยู่ในบ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุรแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแม้ว่าล่าสุดสำนวนคดี 2 แฟ้มหนากว่า 2,000 หน้ากระดาษ กับการฝากขังผลัดที่ 4 ก็ยังไม่สามารถซื้อเวลาเพื่อหาหลักฐานเด็ดคลี่คลายคดีได้ ทำให้ตำรวจส่งฟ้องคดีรับของโจร ค้ามนุษย์ และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง

3 ปี อาจทำให้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เสื่อมสลาย และปริศนาที่ยังคาใจคือร่างของ 2 สามีภรรยาอยู่ที่ไหน

คดีที่ฮืออาไม่แพ้กันคือ ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิง ขับรถยนต์เฟอร์รารีสุดหรูซิ่งชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ จนถึงแก่ความตาย ก่อนหนีเข้าบ้านพักสุดหรูในซอยสุขุมวิท 53

เหตุเกิดตอนเช้ามืด แต่เรื่องมาดังตอนสาย หลังพบว่าสารวัตร สน.ทองหล่อ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของดาบตำรวจที่เสียชีวิต มีความพยายามสร้างพยานหลักฐานเท็จ หรือ “แพะ” ขึ้นมารับผิดแทนผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ

ขยะที่ถูกซุกอยู่ใต้พรมที่ว่า “ตำรวจจับแพะ” ถูกเปิดเผยให้เห็นกันจะจะ ถึงการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบของคนที่ได้ชื่อว่า “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” เกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า ที่ผ่านมามีแพะถูกขังมากน้อยแค่ไหน และหากวันนั้นชาวบ้านตาดำๆ ต้องกลายเป็นแพะจะทำอย่างไร

2 คดีดัง กระหึ่มโลกออนไลน์ ต่างกรรมต่างวาระ ต่างข้อกล่าวหา แต่สะกิดให้เห็นมุมดิบของสังคมไทยที่ขึ้นชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม”

มองไปที่คดีดังอยู่ในความสนใจของชาวบ้านหนีไม่พ้น ทายาทกระทิงแดงซิ่งเฟอร์รารีชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตแล้วหนีเข้าบ้าน ก่อนที่ตำรวจจะสร้าง “แพะ” มาตราหน้าตัวเองให้อับอาย

นายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา บุตรชาย นายเฉลิม อยู่วิทยา ซิ่งรถเฟอร์รารีสีดำพุ่งชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ อายุ 48 เสียชีวิต ที่ปากซอยสุขุมวิท 47 ในเช้าตรู่ของวันที่ 3 ก.ย. ชนแล้วก็หนีเข้าบ้านหรูในซอยสุขุมวิท 53 ทันที ทิ้งรอยน้ำมันจากที่เกิดเหตุลากยาวไปยังโรงเก็บรถเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

แต่ไม่มีอะไรที่ตำรวจไทยทำไม่ได้ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สวป. สน.ทองหล่อ คิดสั้นทำลายวงการตำรวจให้ฟุ้งกระจาย เมื่อยัดเยียดเตรียมการให้คนขับรถประจำบ้านมาจัดฉากให้เป็นแพะรับบาปแทนผู้ต้องหาตัวจริง จนต้องถูกเด้งไปช่วยราชการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) อย่างไม่มีกำหนด

ในขณะที่ นายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ว่าเป็นคนขับรถในตอนแรกนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ส่งฟ้องศาลทันที

กองทัพสื่อมวลชนดักรอทำข่าวอยู่หลายวันจนทำให้ผู้ต้องหาหลบเลี่ยงที่จะมารับทราบข้อกล่าวหาต้องแอบขึ้น สน.ทองหล่อ อย่างเงียบๆ โดยในเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ และข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด หลังผลการตรวจระดับแอลกอฮอล์ในร่างกายเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

คดีนี้ทำท่าจะจบไม่สวย หลังจากแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยผลตรวจเลือดเบื้องต้นของทายาทกระทิงแดง พบสารอื่นๆ ที่เป็นส่วนประกอบในยาเสพติดและยานอนหลับ อีกอย่างน้อย 3 ชนิด คือ โคเคน กาเฟอีน และอัลปราโซแลม

แต่นั่นก็ยังไม่ด่างพร้อยเท่าพฤติกรรมของตำรวจที่ตอกย้ำให้สังคมไทยตระหนักไว้ว่า ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สามารถจับคนที่ไม่ได้กระทำความผิดมาขังคุกได้ ใช้อำนาจในมือเปลี่ยนดำให้เป็นขาว ซึ่งไม่รู้ว่าแพะที่อยู่ในเรือนจำมีอีกกี่มากน้อย

คดีทำท่าจะหายเงียบเข้ากลีบเมฆ ...จริงหรือไม่ที่คนไทยลืมง่าย สังคมไทยมักใช้ผู้เสียหายเปลือง !!!

ในระหว่างนั้น ข่าวที่ครึกโครมยิ่งกว่าก็ปรากฏ เมื่อการติดตามหาลูกชายและลูกสะใภ้ที่หายไปนานกว่า 3 ปี ผ่านการแจ้งความมาแล้วหลายครั้งแต่ตำรวจก็นิ่งเฉย จนกระทั่งหลักฐานที่จะทำให้การสืบสวนชัดเจนเริ่มหายไปทีละนิด

รถยนต์ของผู้สูญหายถูกนำไปจอดที่บ้านของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ประกอบกับคำให้การของ “กะลา” แรงงานพม่าที่ทำงานอยู่ในบ้านของหมอสุพัฒน์ ที่กล่าวหาว่าเจ้าของบ้านมีพฤติกรรมรุนแรงและมีการร่วมสังหารเหยื่อในไร่

คดีนี้เมื่อแรกเริ่มมีตัวละคร คือ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของหมอสุพัฒน์ ตามมาด้วย นายสุเทพ พี่ชายของหมอสุพัฒน์ ออกมาเผยปมการฟ้องร้องกันในครอบครัว และนายเอก ลูกชายของหมอสุพัฒน์

ผ่านมาเกือบ 3 เดือนเต็ม ไร่ถูกขุดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง แต่หลักฐานชิ้นที่เป็นกุญแจพาไปสู่การคลี่คลายคดีกลับยังคงหาไม่เจอ

คดีนี้ทำให้ย้อนกลับไปถึงคดี นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ ที่ฆ่าอำพรางศพ พญ.ผัสพร เมื่อมองในรูปคดีมีหลายอย่างคล้ายกัน แต่อย่างเดียวที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ “หลักฐาน”

เศษเนื้อเพียงชิ้นเล็กๆ สามารถนำไปสู่การพิสูจน์ดีเอ็นเอ พิสูจน์ทราบว่าเป็นใคร แต่สำหรับ 2 สามีภรรยาที่หายสาบสูญไป แม้จะเชื่อกันว่าเสียชีวิตแล้วแต่กลับไม่พบศพ จึงไม่สามารถแจ้งข้อหา “กักขังหน่วงเหนี่ยว” กับผู้ต้องหาได้ ในขณะเดียวกันตราบใดที่ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนก็ดูจะหนักไปสำหรับหมอสุพัฒน์

ปริศนาที่รอให้ปาฏิหาริย์เปิดเผยความจริงยังไร้วี่แวว กฎหมายยังเป็นที่พึ่งได้หรือไม่ นาทีนี้มีเพียงหมอสุพัฒน์คนเดียวที่รู้อยู่แก่ใจ

ปี 2555 งูใหญ่กำลังจะผ่านไป ไม่มีใครรู้ว่ากำลังฟักไข่รออาละวาดปี 2556 หรือไม่

ปีหน้าฟ้าใหม่จะมีคดีไหนเป็นคดีอาชญากรรมที่เด่นดังอีก โปรดใช้วิจารณญาณในการติดตามข่าวสาร