posttoday

ปิดฉากคดีฆ่าเผาซี5สัมพันธ์ออนไลน์ลงท้ายฆาตกรรม

20 ธันวาคม 2555

คดีฆ่าอำพรางศพข้าราชการสาว ซี5 สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร

คดีฆ่าอำพรางศพข้าราชการสาว ซี5 สำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร ในห้องพักคอนโดมิเนียมย่านถนนวัชรพล เขตบางเขน กทม. โดยคนร้ายเป็นแค่เด็กวัยรุ่นอายุเพียง 19 ปี มีประเด็นที่เป็นอุทาหรณ์

หลังจาก พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผกก.สน.คันนายาว ภายใต้การสั่งการของนักสืบมือดี พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 (รอง ผบก.น.2) สามารถจับกุมคนร้ายหลังก่อเหตุได้ในเวลาเพียง 2 วัน

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน สน.คันนายาว สันนิษฐานเบื้องต้นโดยเชื่อว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นเพื่อนชายคนสนิทของผู้ตาย ซึ่งอายุเพียง 19 ปี

ก่อนที่คนร้ายรายนี้จะสารภาพหมดเปลือกว่า เป็นคนสุดท้ายที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้ตาย สาเหตุการลงมือเป็นเพราะความหึงหวง!!!

คนร้าย เผยว่า รู้จักกับผู้ตายผ่านทางสังคมออนไลน์โปรแกรมแชต “เฟซบุ๊ก” และคบหาผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์มากว่า 1 ปี

พ.ต.อ.เจริญ ซึ่งลงไปกำกับการสืบสวน เล่าว่า คดีนี้เริ่มต้นจากการมีปากเสียง แต่จบลงที่ฆาตกรรมอำพรางศพ

วันเกิดเหตุคือกลางดึกวันที่ 14 ธ.ค. ผู้ตายกลับมาจากงานเลี้ยงและมีปากเสียงกับผู้ต้องหา ด้วยความหึงหวง ทำให้ผู้ต้องหาบีบคอจนเสียชีวิต

หลังจากนั่งเสียใจในห้องทั้งวันกับศพจนถึงกลางดึกอีกวัน พร้อมทั้งไปซื้อเบียร์มาดื่มและซื้อซองยาเบื่อหนูมาผสมกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อฆ่าตัวตาย แต่กินไปได้นิดเดียวรู้สึกแสบท้องเลยเลิกล้มความตั้งใจ ก่อนตัดสินใจลากศพไปห้องน้ำแล้วจุดไฟเผาอำพรางคดี จากนั้นหลบหนีไปอยู่ย่านเทียนทะเล เขตบางขุนเทียน กระทั่งถูกชุดสืบสวน สน.คันนายาว ตามไปจับกุมได้ในที่สุด

โดยแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย

“ผู้ชายมีนิสัยโมโหก้าวร้าวและเป็นคนเกเร ไม่ประกอบอาชีพการงานอะไร ไม่เรียนหนังสือ คืนวันก่อเหตุพอมีปากเสียงกันก็เลยลงมือบีบคอ โดยก่อนหน้านี้มาก็ไม่ได้โกรธแค้นอะไรกัน ส่วนการก่อเหตุก็คือเอาผ้ามาห่อศพ เอากระดาษสุม แล้วจุดไฟ ซึ่งก็ไม่ทำให้ไหม้อะไรมาก แค่ผิวหนังไหม้เท่านั้น” พ.ต.อ.เจริญ กล่าว

ย้อนกลับไปหลังเกิดเหตุ ปัจจัยที่ทำให้สืบสวนจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว พ.ต.อ.เจริญ เผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานในที่เกิดเหตุชัดเจนว่าผู้ต้องหาที่ตั้งข้อสันนิษฐานไว้เป็นคนร้ายแน่นอน

“ประการแรก คือ พยานซึ่งอยู่ในอาคารที่เกิดเหตุ 2.พยานที่เป็นเพื่อนของผู้ตาย และ 3.แม่ของผู้ต้องหาให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์” รอง ผบก.น.2 กล่าว

“เพื่อนของผู้ตายยืนยันว่าเคยเห็นผู้ต้องหามาที่คอนโดนี้ จากการสอบปากคำคนร้ายพบว่าได้คบกับผู้ตายมาแล้ว 2 เดือน โดยเริ่มจากแชตเฟซบุ๊ก นอกจากนี้แม่ของคนร้ายยังกล่าวถึงพฤติกรรมลักษณะนิสัยของบุตรชายว่าไม่เชื่อฟัง ไม่เรียนหนังสือ ชอบขอเงินไปเที่ยวเตร่ โดยหลังเกิดเหตุเพื่อนของผู้ต้องหาได้โทรไปหาแม่ เพื่อถามว่าลูกชายไปก่อเหตุอะไรมาหรือเปล่า เพราะเห็นคนร้ายมาเล่าให้ฟังเหมือนว่าได้ไปก่อเหตุอะไรไว้” พ.ต.อ.เจริญ กล่าว

และนี้เองที่เป็นหลักฐานที่ รอง ผบก.น.2 บอกว่า แน่นหนาจนทำให้คนร้ายหมดทางปฏิเสธ

พ.ต.อ.เจริญ กล่าวว่า สาเหตุการก่อคดีนี้เป็นเรื่องเก่าที่เคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง โดยฝากเตือนไปยังประชาชนทั่วไปอย่าหลงเชื่อคนที่ไม่เคยรู้จักกันมากก่อนเป็นอันขาด เพื่อจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อสังหารโหด

“พึงระวังคนไม่รู้จักกันมาก่อน คนที่ใช้เฟซบุ๊กแรกๆ ที่เริ่มรู้จักกันก็ใช้ถ้อยคำที่ไพเราะ อ่อนหวาน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้ถ้อยคำสุภาพ ทำให้มีจิตใจอยากจะชอบพอกัน หลงไปในคำต่างๆ นั้น ซึ่งไม่ได้เกิดจากการรู้จักกันอย่างจริงๆ เมื่อรู้จักกันแล้ว ได้เจอกัน หรือคบกัน ต่างก็แสดงนิสัยธรรมชาติของตนเองออกมา ไม่เหมือนถ้อยคำที่ใช้ในเฟซบุ๊ก ผมอยากฝากเตือนว่าอย่าหลงใหลในถ้อยคำมากนัก” พ.ต.อ.เจริญ กล่าว

เมื่อจับคนร้ายได้แล้ว มีเฟซบุ๊ก KALA ที่ระบุว่าเป็น “หนุ่ม” นักร้องนำวงกะลา หรือ ยุทธพงษ์ แสงสุวรรณ ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับคดีโหดเหี้ยมว่าผู้ตายคือพี่สาวของตนเอง

“เมื่อวานผมดูข่าวการหึงหวงแล้วฆาตกรรมผู้หญิงคนหนึ่งโดยการซ้อม บีบคอแล้วกรอกยาพิษแล้วเอาไปเผาในห้องน้ำ ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้ ทุกครั้งที่เห็นข่าวผู้หญิงโดนทารุณแบบนี้หดหู่ แต่วันนี้มันยิ่งหดหู่เข้าไปอีก เพราะคนในข่าวมันดันเป็นพี่สาวผม! ไม่ได้มาโพสต์ให้ซีเรียสนะครับ แต่อยากบอกทุกคนว่า จงมองและใช้ความรักอย่างมีสติ ความรักมันคือสิ่งสวยงาม ถ้าอีกฝ่ายไม่รักคุณก็ไม่ได้หมายความว่าคุณมีสิทธิทำร้ายเขา ถ้าคุณเจ็บแทน ตายแทน เลือดออกแทนเขาไม่ได้ หรือไม่ว่าจะกรณีใดๆ คุณก็ไม่มีสิทธิทำให้คนที่คุณบอกว่ารักเจ็บแม้แต่รอยเล็บข่วน ช่วยกันหยุดความรุนแรงเถอะครับ”

อย่างที่ รอง ผบก.น.2 กล่าวไว้ คือมีการก่อเหตุอย่างนี้มาหลายต่อหลายครั้ง บางครั้งจุดเริ่มต้นของคดีไม่ได้เกิดจากความรัก แต่มีที่มาจากการใช้เทคโนโลยีอย่างไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อของคนร้าย

เมื่อได้รู้จักและถลำตัวไปแล้ว การจะตีจากหรือเลิกรากับคนที่อารมณ์ร้าย โมโหโทสะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนตอนคบกันใหม่

และเมื่อนั้นกว่าจะรู้ตัวว่าได้ตกเป็นเหยื่ออารมณ์รุนแรงก็ยากที่จะถอนตัว