posttoday

ร้านเน็ตกลายเป็นเหยื่อ ป้องกันตัวเองดีที่สุด

27 พฤศจิกายน 2555

เป็นภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรงพอสมควรที่ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก หรือในยูทูบก็ตาม กับภาพที่กลุ่มวัยรุ่นสามหน่อ

เป็นภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรงพอสมควรที่ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก หรือในยูทูบก็ตาม กับภาพที่กลุ่มวัยรุ่นสามหน่อ

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

เป็นภาพที่ค่อนข้างจะรุนแรงพอสมควรที่ปรากฏขึ้นในโลกออนไลน์ ทั้งเฟซบุ๊ก หรือในยูทูบก็ตาม กับภาพที่กลุ่มวัยรุ่นสามหน่อ สองคนใส่หมวกกันน็อก อีกคนใจกล้าเปิดเผยใบหน้า เข้ารุมทำร้ายเด็กเฝ้าร้านอินเทอร์เน็ตแห่งหนึ่งย่านคูคต จ.ปทุมธานี หมัด เข่า ศอก เท้า กระหน่ำประเคนให้กับเด็กเฝ้าร้านที่นั่งเฝ้าร้านในยามค่ำคืน ไม่เกรงกลัวสายตานักเล่นเกมที่เข้ามาใช้บริการ ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็จับภาพได้ทุกขั้นตอนโหด ทำให้ชาวเน็ตและประชาชนทั่วไปได้ชมภาพ

ก่อนจะลามปามไปทุบกระทืบเหล่านักเล่นเกมที่ดันทะลึ่งมามองเหตุการณ์เข้าให้อีก สุดท้ายสามหน่อก็หยิบเงินจากเคาน์เตอร์ร้านไปได้ 4,000 บาทก่อนหนีหายไป และย้อนกลับมาอัดเด็กเฝ้าร้านอีกครั้งภายใน 10 นาที แต่สุดท้ายตำรวจชุดสืบสวนจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็ตามรวบได้ 1 คน ส่วนอีก 2 คนก็ยังล่ากันอยู่

แต่ประเด็นที่น่าสนใจ ในช่วงแรกที่คนร้ายหายไป เด็กเฝ้าร้านได้โทรแจ้ง 191 ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่มีการตอบรับ ก่อนจะโทรไปอีกเป็นครั้งที่ 3 สายตรงไปยัง สภ.คูคต แต่ปลายสายกลับตอบมาว่า ให้มาแจ้งความ ไม่มาดูที่เกิดเหตุเสียอย่างนั้น เด็กเฝ้าร้านก็ซวยโดนอัดไปอีกรอบ ทั้งๆ ที่หากมาทันทีก็จะสามารถจับคนร้ายได้แน่นอน ผลสุดท้ายตำรวจเจ้าของท้องที่อย่าง สภ.คูคต 5 เสืออย่าง ผกก. รอง ผกก.ป. รอง ผกก.สส. สว.ป.และพนักงานสอบสวนในเวลาขณะนั้น ก็ถูกเด้งมาช่วยราชการที่ บก.ภ.จว.ปทุมธานี 30 วัน

มีอีกหลายร้านอินเทอร์เน็ตเช่นกันที่ประสบปัญหาสุ่มเสี่ยงอันตรายเช่นข้างต้น “จ้า” เจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตย่านสุขุมวิท 101/1 ในวัย 28 ปี เล่าให้ฟังว่า ขณะเปิดร้านในช่วงเย็น มีชายน่าสงสัย รอยสักเต็มตัว เข้ามาภายในร้านและมานั่งที่หน้าคอมพิวเตอร์ แต่ไม่ใช้บริการ ขณะที่สายตาของชายคนนั้นก็ลอกแลกไปมาตลอดเวลาและจ้องมาที่เธอ จึงตัดสินใจโทรศัพท์หาตำรวจตามเบอร์ที่ให้ไว้ในกล่องแดงที่ติดไว้หน้าร้าน เพื่อขอให้มาช่วยดูหน่อย เพียงแค่ 10 นาทีตำรวจก็มาถึงที่ทันที แต่ชายคนนั้นเมื่อเห็นตำรวจก็รีบลุกหนีเดินออกจากร้านไปทันที

จ้าเล่าอีกว่าหากชายคนดังกล่าวเข้ามาก่อเหตุร้ายจริงๆ เธอต้องซวยแน่นอน เพราะที่ร้านมีเพียงกล้องวงจรปิดที่ติดไว้หลอกๆ เท่านั้น ไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากระบบพัง แต่เธอประมาทคิดว่าไม่เกิดอะไรขึ้นจึงไม่แก้ไข แต่จากนี้ไปรับรองว่าจะปรับปรุงให้ใช้งานได้แน่นอน นั้นเป็นเพราะเพื่อความปลอดภัยของร้านและตัวเอง

หลายครั้งที่ร้านอินเทอร์เน็ตกลายเป็นแหล่งและเป็นเหยื่อของเหล่าโจรที่เข้าชิงปล้นทรัพย์กันหลายท้องที่ บางแห่งต้องปิดร้านกันหนีโจรไปเลยทีเดียว หรือเลิกราทำกิจการกันไป ในเขตกรุงเทพมหานครก็มีหลายแห่งที่เปิดให้บริการ แต่ขณะเดียวกันในยามค่ำคืนก็ต้องเฝ้าระวังกลุ่มโจร หรือพวกจิ๊กโก๋นักเลงที่จะเข้ามาห้ำหั่นกันเองทำให้ร้านเสียหาย ครั้นแล้วจะฝากฝังกับตำรวจก็เห็นจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการเฝ้าระวังกันเองจึงเป็นทางออกที่น่าจะดีที่สุด

ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) แนะนำเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ตให้ระมัดระวังเหตุที่เกิดขึ้น คือ

1.ติดกล้องวงจรปิด ที่สำคัญต้องทำงานได้ตลอดเวลา เพื่อไว้บันทึกภาพภายในร้านหากเกิดเหตุร้ายขึ้น สามารถใช้เป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมคนร้ายและเอาผิด

2.ติดกล่องแดงเชื่อมตำรวจ ประสานไปยังท้องที่นั้นๆ เพื่อขออนุญาตนำกล่องแดงของตำรวจมาติดเพื่อให้ช่วยมาตรวจตราตามเวลาที่กำหนด

3.หากเกิดเหตุร้ายให้พยายามหนี อย่าห่วงทรัพย์สินให้พึงระลึกว่าชีวิตมีความสำคัญมากกว่า หรือหากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ให้พยายามอย่าขัดขืน แต่จดจำรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายให้ได้มากที่สุด

4.โทรแจ้ง 191 ขณะโทรศัพท์ไปแจ้งสายด่วน 191 ให้พยายามถือสายไว้อย่าเพิ่งรีบวางหูหากเจ้าหน้าที่ยังไม่รับ เพราะหากวางหูและโทรเข้าไปใหม่ การเรียงลำดับสายจะถูกเริ่มใหม่ทันที ทำให้ต้องไปรอคิวใหม่

5.สายตรงตำรวจท้องที่ แน่นอนว่าหากโทรศัพท์ไปที่ตำรวจ 191 แล้วไม่มีการตอบรับ ดังนั้นแผนสำรองควรจะมีเบอร์โทรศัพท์ตรงไปยังสถานีตำรวจในพื้นที่ เพื่อติดต่อให้มาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เป็นวิธีที่ตำรวจฝากมาแนะนำตามร้านอินเทอร์เน็ต หรือสามารถใช้ประโยชน์ได้เช่นกันตามร้านค้าทั่วไปที่จำเป็นต้องให้บริการยามค่ำคืนเพื่อป้องกันเหตุร้าย และจากนี้หากโทรศัพท์แจ้งท้องที่ไปแล้วเชื่อแน่ว่าตำรวจต้องเร่งส่งคนมาดูแน่นอน ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกเด้งเอาได้ง่ายๆ