โศกนาฎกรรม 4 คู่รัก ยุติปัญหาด้วยความตาย

โดย...วัสยศ งามขำ

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา แรงรักที่พ่วงด้วยความหึงหวงและปัญหาครอบครัว คู่รักอย่างน้อย 3 คู่ตัดขาดสะบั้นกันด้วยความตาย ส่วนอีกคู่ฝ่ายหญิงต้องนอนอยู่บนเตียงในห้องไอซียู ด้วยฝีมือของฝ่ายชายที่มีพฤติกรรมทารุณโหดร้าย ทั้ง 3 เหตุการณ์ทำให้ตำรวจต้องยอมรับว่าถึงเวลาแล้วที่ไม่ควรจะเพิกเฉยต่อปัญหาครอบครัว เพราะมันชี้ให้เห็นแล้วว่าไม่เป็นปัญหาธรรมดาอีกต่อไป

เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นกลางเมืองหลวงเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.พญาไท รับแจ้งเหตุยิงกันที่ธนาคารกรุงไทย สาขาอาคารวรรณสรณ์ สี่แยกพญาไท เขตราชเทวี นุทยา บุณยโยธิน อายุ 43 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาก้าวใหม่ ใฝ่รู้ ถูกนายสมบัติ ถนอมวาจามั่น สามี ยิงเสียชีวิตกลางธนาคาร ส่วนตัวสามีก็ลั่นกระสุนปลิดชีวิตตนเอง แต่อาการโคม่า เสียชีวิตในภายหลัง สาเหตุมาจากปัญหาทรัพย์สินที่ทำธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาร่วมกันด้วย

เหตุการณ์สะเทือนขวัญถัดมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ตำรวจ สน.จระเข้น้อย รับแจ้งว่าคนร้ายบุกใช้นำมันเผาหญิงสาวบาดเจ็บสาหัส ในห้องพักหมายเลข 34 ชั้น 4 อาคาร 30 อาคารเอื้ออาทรโครงการลาดกระบัง 2 ถ.ประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง คนร้ายคือ นายเอกพล อุดมมาลา อายุ 19 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด ใช้น้ำมันราดจุดไฟเผาทั้งเป็น น.ส.ธัญญารัตน์ ภูธร อายุ 20 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี แฟนสาว เนื่องจากโกรธแค้นที่แฟนสาวตีจาก แรงรักแรงแค้น เหยื่อสาวอาการสาหัสร่างกายถูกไฟไหม้กว่า 60%

เหตุการณ์ที่ 3 เกิดขึ้นวันเดียวกัน เป็นความขัดแย้งทางความรักเหมือนกัน ต่างกันก็ตรงที่เป็นเรื่องของชายกับชาย ตำรวจ สน.สามเสน รับแจ้งเหตุยิงกันเสียชีวิตภายในอาคารเรียนชั้น 6 อาคาร 11 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต พบศพ นายไพศาล ศรีคชา นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถูกนายพงศ์ภวัต ชัยชีพ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ชั้นปี 2 ยิงด้วยปืนขนาด .357 เสียชีวิต และนายพงศ์ภวัตก็ปลิดชีพตนเองตายตาม สาเหตุมาจากการที่นายไพศาลปฏิเสธความสัมพันธ์แบบนี้

สำหรับเหตุการณ์สุดท้ายเป็นเหตุร้ายส่งท้ายปลายสัปดาห์ 16 พ.ย. ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ภายในร้านโพธิ์สุวรรณ ตลาดไท บนห้องนอนชั้นที่ 3 พบศพ นายธเนตร์ โพธิ์สุวรรณ อายุ 36 ปี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับขวา 1 นัด ใกล้กันพบศพ นส.พรพรรณ ภู่ศรีพงษ์ อายุ 26 ปี ซึ่งเป็นแฟนสาวของนายธเนตร์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ขมับซ้าย จำนวน 1 นัด นอกจากนี้ยังพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ตกอยู่บนที่นอน

ตำรวจบอกว่า ฝ่ายชายเคยแต่งงานแล้วและมีลูกกับภรรยาเก่า 2 คน ก่อนจะเลิกรากันไป จากนั้นได้คบหาอยู่กับ นส.พรพรรณ ได้ประมาณเดือนเศษ สาเหตุน่าจะมาจากความหึงหวง เพราะฝ่ายหญิงเป็นคนหน้าตาดี

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) เห็นว่า ต่อไปนี้ตำรวจจะนิ่งเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวไม่ได้แล้ว และควรที่จะเข้าไปเร่งจัดการอย่างใกล้ชิดก่อนที่จะบานปลายกลายเป็นเรื่องรุนแรงถึงกับทำให้เกิดการสูญเสียถึงชีวิต เพราะภายในสัปดาห์เดียวปัญหาความรัก ชู้สาว และปัญหาครอบครัว ก็ทำให้คนตายและบาดเจ็บรวมแล้วถึง 4 คู่

“ตำรวจไม่ควรละเลยปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวอีกต่อไป เพราะมันเป็นพื้นฐานของการก่ออาชญากรรม อย่ามองแค่ว่าเป็นเรื่องผัวเมียแล้วไม่เข้าไปจัดการ หากปล่อยไว้ก็จะเป็นแบบเหตุร้ายที่เกิดขึ้นได้”

พล.ต.ต.สุพิศาล มองในเชิงพฤติกรรมศาสตร์ว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวนั้นเนื่องจากสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปหลังยุคเบบี้บูม จากเดิมที่เคยนิยมอยู่กันแบบไทยๆ คือสังคมประนีประนอม แต่ปัจจุบันมีการหย่าร้างสูง การคบกันนั้นนอกจากความรักแล้วยังมีเรื่องผลประโยชน์ และกิจกรรมที่ร่วมกันทำอยู่มาผูกติดกันด้วย เมื่อเกิดความขัดแย้งทำให้ครอบครัวแตกหัก และส่งผลให้ปัญหาไปตกอยู่กับลูกที่ขาดความอบอุ่น ยิ่งหากเกิดขึ้นในครอบครัวชนชั้นกลางถึงระดับล่างแล้วยิ่งเป็นปัญหามากขึ้น เพราะเด็กมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะกลายเป็นอาชญากรหรือติดยาเสพติด

“ตำรวจมีส่วนสำคัญที่จะแก้ปัญหานี้ได้ เนื่องจากมี พ.ร.บ.ความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 อยู่ในมือ สามารถที่จะจัดการกับปัญหาระหว่างสามีภรรยาได้ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดถูกทำร้ายหรือใช้ความรุนแรงก็สามารถแจ้งตำรวจได้ พนักงานสอบสวนมีสิทธิไกล่เกลี่ยตามกฎหมายเพื่อลดความขัดแย้งในเบื้องต้น ไม่ควรปล่อยให้เรื่องผ่านไป เพราะจะทำให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นได้” พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวและบอกว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นต่อไป เป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบหรือเหตุการณ์ใกล้เคียงกันเกิดขึ้นได้ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จึงควรมาดูในเรื่องนี้ด้วย ขณะเดียวกันการเสนอข่าวของสื่อมวลชนก็ต้องระมัดระวังในการนำเสนอด้วย

ด้าน พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล นายแพทย์กลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาจากการใช้ความรุนแรงในครอบครัว คนในยุคนี้ต่างจากสมัยก่อนเรียกว่ารักมากก็เกลียดมาก พอไม่ได้อะไรตามที่ใจหวังก็จะโกรธและโมโห จากนั้นก็จะใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหา เนื่องจากมนุษย์มีความรุนแรงในตัวอยู่แล้ว แต่มีสมองส่วนหน้าในการคิดแก้ปัญหา ควรที่จะคิดให้เยอะเมื่อผิดหวัง คนเราย่อมมีอารมณ์ได้แต่ต้องแสดงออกอย่างเหมาะสม อยากให้มองความรักเป็นสิ่งปรารถนาดี ไม่ใช่ความโลภที่ต้องนำตัวเขามาครอบครอง แต่ต้องมองคนที่เรารักให้เขามีความสุข

“ในมุมมองของคนที่เป็นทั้งหมอจิตเวชและตำรวจ ดิฉันมองว่า ปกติตำรวจก็มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อตัวเองรู้สึกว่าถูกคุกคามก็ขอให้ไปแจ้งตำรวจ อย่างน้อยที่สุดก็ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่ามีคนประสงค์ร้าย แต่ที่ผ่านมาเรื่องมาถึงตำรวจก็หลังจากความรุนแรงเกิดขึ้นแล้ว ตัวเราเองก็ต้องช่วยกันจัดการสถานการณ์ด้วย อย่างเช่น ไม่ท้าทาย หรือพูดจารุนแรง การจะปฏิเสธความรักก็ควรจะปฏิเสธอย่างนิ่มนวล อย่าหักน้ำใจกันมากเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น” พ.ต.ท.พญ.อัญชุลี กล่าว

&<2288;

&<2288;