กฟผ.ปรับแผนจัดการน้ำหลังเขื่อนใหญ่น้ำน้อย
กฟผ.ห่วงน้ำในเขื่อนใหญ่น้อยกว่าปีก่อน เร่งผันน้ำจากแหล่งอื่นช่วยเกษตรกรลุ่มเจ้าพระยา เตือนเกษตรกรอย่ากักตุนน้ำ
กฟผ.ห่วงน้ำในเขื่อนใหญ่น้อยกว่าปีก่อน เร่งผันน้ำจากแหล่งอื่นช่วยเกษตรกรลุ่มเจ้าพระยา เตือนเกษตรกรอย่ากักตุนน้ำ
นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ของกฟผ. มีปริมาณน้ำต้นทุนรวม 8,612 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) น้อยกว่าปีที่แล้ว 47% หรือลดลง 7,626 ล้านลบ.ม. เนื่องจากปริมาณน้ำในช่วงฤดูฝนไม่มากเหมือนปี2554 ซึ่งหลายฝ่ายเป็นห่วงจะกระทบกับการเพาะปลูกพืชเกษตร
ทั้งนี้ ได้ปรับแผนการบริหารจัดการน้ำ โดยจัดสรรน้ำจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 600 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 600 ล้าน ลบ.ม. และจากลุ่มน้ำแม่กลองที่จะผันผ่านมาทางคลองจระเข้สามพัน และท่าสาร-บางปลา มาช่วยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอีก 1,000 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำต้นทุนสำหรับการจัดสรรในโครงการเจ้าพระยาใหญ่ทั้งหมด จำนวน 9,000 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งใกล้เคียงกับปริมาณน้ำที่เคยจัดสรรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยสามารถหล่อเลี้ยงการเพาะปลูกในพื้นที่โครงการเจ้าพระยาในเขต และนอกเขตได้ 9.6 ล้านไร่ แบ่งเป็นการปลูกข้าวนาปรัง 9.17 ล้านไร่ และพืชไร่-พืชผัก 0.43 ล้านไร่ ในขณะที่การเพาะปลูกข้าวนาปรังปี2555 มีการเพาะปลูกเต็มพื้นที่ราว 10 ล้านไร่
กฟผ.ได้เริ่มระบายน้ำช่วงฤดูแล้ง จากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 1-14 พ.ย. 2555 จำนวน 431 ล้าน ลบ.ม. เป็นการระบายจากเขื่อนภูมิพล 236 ล้าน ลบ.ม. เขื่อนสิริกิติ์ 195 ล้าน ลบ.ม. โดยยังเหลือปริมาณน้ำที่จะระบายตลอดช่วงฤดูแล้งอีก 6,369 ล้าน ลบ.ม.