ประเวศชี้ปฏิรูปการศึกษาสำเร็จต้องใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง

ประเวศ ชี้ปฏิรูปการศึกษาสำเร็จได้ต้องใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง เน้นประสานงานแนวราบ ดัน สสค. ตัวช่วยรัฐบาล ส่งเทียบเชิญนายก-รมว.ศธ.ร่วมหารือ
 
ศ.นพ.ประเวศ วะสี กล่าวระหว่างเป็นประธานการเสวนาวิชาการเวทีปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล ครั้งที่ 10 การพัฒนาการเรียนรู้ในจังหวัดนำร่อง:ฝันที่ตั้งใจให้เป็นจริง จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) ร่วมกับสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส.เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จากการจัดเสวนาวิชาการเวทีปฏิรูปการเรียนรู้ ครั้งที่ 10 ได้ข้อสรุปที่สำคัญของการปฏิรูปการศึกษาว่า หากมองการเมืองระดับชาติ หลายคนเกิดความท้อถอย แต่ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในพื้นที่ทั้ง ครู ศึกษานิเทศก์ อบต. ทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้เป็นไปได้ ไม่ว่าข้างบนจะเป็นอย่างไร แต่ข้างล่างต้องเชื่อมโยงการทำงาน ขอให้ร่วมมือกัน เพราะเรามีทุนทางสังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ศาสนา ภาครัฐ เอกชน หากเราบูรณาการเป้าหมายและทรัพยากรเข้ามาถักทอกัน เราจะสามารถทำอะไรได้อีกมาก

ศ.นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า ประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างนับเป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดความเป็นไปของการปฏิรูปการศึกษาที่ไม่สำเร็จเพราะทำที่ส่วนกลาง และมีแต่นักการศึกษา การปฏิรูปการศึกษาต้องเอาพื้นที่และจังหวัดเป็นตัวตั้ง จะมีคนจากทุกส่วนเข้ามาร่วม เรียกว่า All for Education ซึ่งเป็นประเด็นเชิงนโยบาย ดังนั้น สสค. ควรช่วยรัฐบาล อาจจะจัดประชุมใหญ่ โดยเชิญนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มาหารือเพื่อร่วมกันทำ ประเด็นที่สองเมื่อใช้พื้นที่เป็นตัวตั้ง สิ่งที่มีความสำคัญตามมาคือการมีข้อมูลทั้งหมดในพื้นที่ เพราะคนในพื้นที่เป็นเหมือนแหล่งข้อมูลแห่งชาติ ไม่ว่าคนจะเคลื่อนไปที่ไหนข้อมูลก็จะตามไปด้วยและต้องแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะทำอะไร เนื่องจากโครงสร้างมีอยู่แล้วเพียงแต่ทำให้เกิดรูปธรรมที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ประเด็นสุดท้ายการทำงานในพื้นที่ต้องพัฒนาอย่างบูรณาการ การศึกษาไม่สามารถไปเดี่ยวๆ ได้ แต่ต้องสอดคล้องกันทุกเรื่อง เศรษฐกิจ ประชาธิปไตย สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม เราสามารถทำงานประสานกันในแนวราบได้กับทุกองค์กรหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆ ที่พร้อมสนับสนุนพื้นที่ เราต้องร่วมสร้างประเทศไทยให้น่าอยู่ให้ได้

ด้านนายสมหมาย ปาริจฉัตต์ รองประธานกรรมการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เราสามารถทำให้ท้องถิ่นระดมภาคส่วนต่างๆ มาช่วยจัดการศึกษาได้ แต่จะทำอย่างไรให้โรงเรียนมีความเข้มแข็งและอิสระปลดปล่อยโรงเรียนออกจากการรวมศูนย์อำนาจ เรามีครูดี แต่ถ้าครูยังอยู่ภายใต้ระบบโรงเรียนที่รวมศูนย์อำนาจ ครูก็จะยังมีปัญหาอยู่ ส่วนเรื่องการจัดทำสมุดบันทึกสุขภาพ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะรื้อระบบสมุดพกใหม่ให้เป็นสมุดพกการเรียนที่มีประสิทธิภาพมีทั้งบันทึกการศึกษาและสุขภาพ โดยทำเป็นเล่มเดียวกันใช้ต่อเนื่อง 5 ปี, 10 ปี หรือเป็นช่วงชั้นก็ได้ หากทำแบบนี้ได้เราก็จะมีเครื่องมือที่จะช่วยติดตามส่งต่อเด็กได้อย่างเป็นระบบ