posttoday

จับหนุ่มตรังฆ่าโหดหมกบ้าน

26 ตุลาคม 2555

ตำรวจรวบหนุ่มนาโยงเมืองตรังฆ่าหมกบ้านพักแค้นติดหนี้หมื่นบาท

ตำรวจรวบหนุ่มนาโยงเมืองตรังฆ่าหมกบ้านพักแค้นติดหนี้หมื่นบาท

พ.ต.อ.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผกก.สภ.เมืองตรัง ได้นำตัว นายนิยม กลับวุ่น  อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ที่ 5 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง เจ้าของร้านรับซ่อมรถจักรยานยนต์ในหมู่บ้าน  ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาล จ.ตรัง ในคดีร่วมกันฆ่านายวิสุทธิ์ เซ่งย่อง  ภายในห้องเช่าโรงทำอิฐบล็อกเก่า เลขที่ 30/7 ซ.2 น้ำผุด ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง เมื่อคืนวันที่ 22 ต.ค.มาสอบปากคำ  หลังจากสามารถจับกุมได้ที่นาข้าว หมู่ที่ 5 ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง จ.ตรัง
 
จากการสอบปากคำ นายนิยม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาว่า  ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของ นายวิสุทธิ์ แต่อย่างใด  เพราะไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคือง หรือขัดแย้งส่วนตัวมาก่อน  แต่ยอมรับว่าเคยรู้จักกับ นายวิสุทธิ์ สมัยที่ชวนมารับจ้างต่อเติมบ้านในพื้นที่ ต.นาข้าวเสีย เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา  ซึ่งในช่วงดังกล่าว เมื่อผู้ตายได้รับเงินค่าจ้างมาแล้ว แต่จ่ายให้ตนเพียงแค่ 2,000 บาท  ส่วนอีก 10,000 บาท ที่เหลือยังไม่ยอมให้  ตนจึงพยายามทวงหลายครั้ง ผู้ตายก็ยังไม่ยอมให้อีก ตนก็ไม่ได้ว่าอะไร  กระทั่งภายหลังจากที่ผู้ตายกับมาอยู่บ้านแล้ว  ตนก็ไม่เคยมาทวงเงินจากผู้ตายอีกเลย  เพราะไม่ทราบว่า ผู้ตายมีบ้านอยู่ที่ไหน
 
จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจึงได้ทราบว่าผู้ตายถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว เพราะในคืนวันเกิดเหตุได้นั่งดื่มเบียร์ที่บ้านของพรรคพวก รวม 3 คนที่ ต.นาข้าวเสีย อ.นาโยง  ส่วนการที่ลูกบุญธรรมของผู้ตาย ระบุว่า เป็นคนร้ายนั้น  เชื่อว่าน่าจะเป็นการเข้าใจผิด ที่เพื่อนของผู้ตายอีกคนมีชื่อตรงกันกับเขา อีกทั้งลูกบุญธรรมผู้ตายยังมีศักดิ์เป็นหลานของตนด้วย  เพราะได้ถูกป้านำมาให้ผู้ตายเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก
 
ด้านพ.ต.อ.สมชาย กล่าวว่า  ภายหลังจากเกิดเหตุได้นำตัวลูกบุญธรรมของผู้ตายมาชี้ยืนยันภาพ  และให้การว่าหลังจากดูละครเรื่องป่านางเสือ ทางช่อง 7 จบแล้ว  นายนิยม หรือน้าหมี พร้อมกับเพื่อน รวม 2 คน ได้มาหาผู้ตาย  ซึ่งในขณะเกิดเหตุ เด็กอยู่ในห้องนอน ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ใด  กระทั่งเวลาผ่านไป เด็กออกจากห้องพบว่า พ่อบุญธรรม นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ  โดยเข้าใจว่าพ่อหลับอยู่ จึงพยายามปลุกให้ตื่นหลายครั้ง โดยไม่ทราบว่าพ่อบุญธรรมเสียชีวิตแล้ว
 
นอกจากนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวยายของเด็กและผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำทั้งหมดยืนยันและให้การตรงกันว่า ทั้งผู้ตายกับ นายนิยม เคยมีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกันมาก่อน  โดยที่ผ่านมานายนิยมมักจะมาทวงเงินค่ารับจ้างต่อเติมบ้านจากผู้ตายที่ยังค้างอยู่ 10,000 บาท เป็นประจำ  แต่เมื่อผู้ต้องหาให้การปฎิเสธ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้หนักใจ  เพราะมีพยานแวดล้อมที่มีน้ำหนักเชื่อได้ว่า นายนิยม ได้ลงมือก่อเหตุฆ่าผู้ตายจริง  จึงได้แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
 
สำหรับ นายนิยม ยังมีประวัติคดีพยายามฆ่าภรรยาตัวเอง  โดยได้ใช้มีดพร้าเหวี่ยงใส่ใบหน้าภรรยา และศาลได้ตัดสินจำคุก 5 ปี  แต่ได้ต่อสู้คดีจนเหลือติดคุกแค่ 3 ปี ก่อนที่จะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2544  กระทั่งมาถูกจับอีกครั้งในคดีใช้มีดพร้าร่วมกันฆ่า นายวิสุทธิ์ ดังกล่าว  ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างสืบสวน  เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป