posttoday

ปปส.ลุยชุมชนคลองเตยค้นหาบำบัดผู้เสพยา

14 ตุลาคม 2555

พงศพัศ นำทีม ตำรวจ ลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย 70ไร่ เพื่อค้นหาบำบัดผู้เสพยา ตามโครงการ“ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” พร้อมขยายโครงการไปในพื้นที่เสี่ยง 928 แห่งทั่วประเทศ

พงศพัศ นำทีม ตำรวจ ลงพื้นที่ชุมชนคลองเตย 70ไร่ เพื่อค้นหาบำบัดผู้เสพยา ตามโครงการ“ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” พร้อมขยายโครงการไปในพื้นที่เสี่ยง 928 แห่งทั่วประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พร้อมด้วยตำรวจปราบรามยาเสพติด ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 ชุดสืบสวน บก.น.5 ตำรวจ สน.ท่าเรือ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จาก กทม. กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกันค้นหาผู้เสพภายในชุมชนคลองเตย 70 ไร่ และล็อก 1-6 ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนเสี่ยงตามแผนปฏิบัติ การปิดล้อมเอ๊กซเรย์เชิงรุก 90 วัน เพื่อให้เป็น “ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน”

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า กำหนดให้พื้นที่ชุมชนคลองเตย 70 ไร่ และล็อก 1-6 เป็นชุมชนเสี่ยง 1 ใน 12 แห่งทั่วประเทศ ที่ ป.ป.ส.เป็นเจ้าภาพในการบูรณาการกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการให้เป็นชุมชนปลอดยาเสพติด โดยเน้นเฝ้าระวัง ดูแลเด็กและเยาวชนกลุ่มเสี่ยง ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่แพร่ระบาดอยู่ในชุมชน โดยเริ่มปฏิบัติการมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา โดย สน.ท่าเรือและชุดสืบสวนของ ป.ป.ส. ได้เข้าปฏิบัติการกดดันและปราบปรามผู้ค้ารายย่อยในชุมชนอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนในชุมชน แจ้งเบาะแสผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 1386 อย่างต่อเนื่อง มีผลการจับกุมผู้ค้ารายย่อย รายสำคัญในพื้นที่คลองเตยและพื้นที่ใกล้เคียงได้เป็นจำนวนมาก

“ค้นหาผู้เสพในชุมชนซึ่งถือว่าเป็นผู้ป่วย และจำเป็นต้องได้รับการบำบัดฟื้นฟูโดยเร่งด่วน ต้องขอบคุณพ่อแม่ผู้ปกครองและตัวเด็กเองที่สมัครใจเข้ารับการบำบัด โดยหลังจากเข้าสู่กระบวนการจำแนกและคัดกรองแล้วจะนำตัวเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูอย่างเหมาะสมต่อไป โดยผู้เสพที่ยังไม่ติดยา จะส่งตัวเข้ารับการบำบัดที่ศูนย์สงเคราะห์และบำบัดรักษาฟื้นฟูวัดตะพาน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเป็นเวลา15 วัน ส่วนผู้เสพที่ติดแล้ว จะส่งไปบำบัดที่ค่ายบำบัดกองแพทย์ทหารบก กองพล 9 จ.กาญจนบุรี เป็นเวลา 45 - 120 วัน แล้วแต่อาการ ส่วนผู้ที่เสพสารระเหย จะส่งตัวไปบำบัดฟื้นฟูที่สถาบันธัญญารักษ์ กระทรวงสาธารณสุข จ.ปทุมธานี ซึ่งจะใช้เวลานานกว่าผู้ที่เสพยาบ้า เนื่องจากสมองจะถูกทำลายค่อนข้างมาก และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด” เลขาธิการป.ป.ส. กล่าว

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวอีกว่า หลังจากผู้เสพได้รับการบำบัดจนหายและถูกส่งตัวกลับสู่อ้อมอกพ่อแม่และผู้ปกครองในชุมชนแล้ว ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้นำชุมชน ในการติดตามและเฝ้าระวังช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการหางานทำเพื่อให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ ซึ่งจะช่วยให้ไม่กลับเข้าไปหายาเสพติดอีก และเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ชิด ซึ่งจะต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ให้เวลา และให้กำลังใจ เพื่อช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นวิกฤติในชีวิตไปให้ได้ ในขณะที่ ป.ป.ส. จะร่วมทำงานกับตำรวจและฝ่ายปกครอง เพื่อช่วยกันขจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ชุมชนเสี่ยงทั้งหมดมีความปลอดภัย เป็นชุมชุนอุ่นใจที่พ่อแม่ผู้ปกครองได้ลูกหลานกลับคืนมา และไม่มีใครกลับไปเสพยาเสพติดอีก

เลขาธิการป.ป.ส. กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการ “ชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน” จะขยายการปฏิบัติออกไปในพื้นที่เสี่ยงเพิ่มขึ้นอีก 928 แห่งทั่วประเทศ โดยเป็นชุมชนเสี่ยงในระดับอำเภอ 878 แห่ง และในพื้นที่กทม. อีก 50 ชุมชน ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ ผอ.ศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ ได้ประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ พร้อมทั้ง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ผู้บังคับการ และผู้กำกับการทุกสถานีตำรวจไปแล้ว โดยจะเริ่มปฏิบัติการพร้อมกันเป็นเวลานาน 90 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. นี้เป็นต้นไป