ปปส.จับกัญชาล็อตใหญ่ค่าพันล้าน

“พงศพัศ” บุกทลายโกดังกัญชา ที่ขอนแก่น ตรวจยึดได้กว่า 2.5  ตันมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท รอส่งขายต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. พล.ต.อ.พงศพัศ   พงษ์เจริญ เลขาธิการ ปปส. พร้อมด้วย พล.ต.ท.กวี  สุภานันท์ ผบช.ภ.4 และ พ.ต.อ.ชาคริต  มงคลศรี ผกก.11 บก.รน. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจสอบภายในโกดังร้างริม ถนนสายขอนแก่น-ชัยภูมิ  ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่นหลังชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติด ปปส.ร่วมกับตำรวจน้ำ ,ตชด.และตำรวจภูธรภาค 4 เฝ้าติดตามดูพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน จนกระทั่งสืบทราบว่ามีการใช้โกดังดังกล่าวซุกซ่อนกัญชาจริง จึงวางแผนเพื่อเข้าขอตรวจค้นจนกระทั่งพบรถยนต์กระบะนิสสันสีบรอนท์เงิน หมายเลขทะเบียน บว-3455 นครราชสีมา กำลังจะขับออกมาจากบริเวณดังกล่าว จึงแสดงตัวเข้าขอตรวจค้นพบว่าผู้ต้องหาที่น่งมาอยู่ในรถได้ไหวตัวทัน และตะโกนให้กับผู้ต้องหาอีกจำนวนหนึ่งที่อยู่ภายในโกดังวิ่งหลบหนี

พล.ต.อ.พงศพัศ   กล่าวว่า จากการตรวจสอบโกดังพบว่ามีกัญชาอัดแท่งมากถึง 2,500 กิโลกรัม ถูกเก็บไว้ในโกดังดังกล่าวโดยมีเพียงก้านมะพร้าววางทับเอาไว้เท่านั้น และจากการตรวจสอบพบว่าน่าจะมีผู้ที่รับจ้างเฝ้าโกดังแห่งนี้ 5-7 คน โดยใช้รถยนต์กระบะขนกัญชามาจากพ่อค้าชาวลาวผ่านทาง จ.นครพนม ก่อนนำมาเก็บไว้ภายในแห่งนี้เพื่อรอส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้จากการตรวจสอบสภาพโกดังดังกล่าวเพิ่งจะมีการเช่าไม่นานและมีการทำสัญญาว่างจ้างอย่างถูกต้องซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะมีการสอบสวนขยายผลต่อไป

ขณะที่นายสุขุม  ศุขโข เจ้าของโกดังดังกล่าว ระบุว่า โกดังแห่งนี้เพิ่งจะทำการซื้อมาจาก บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพจำกัด หรือ บสก. ในราคา 2.7 ล้านบาท โดยมีแผนของการนำมาปรับปรุงและให้เช่า จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา นายจรัญ  คำหอม อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202 ม.13 ต.ชมภูพร อ.ศิวิไล จ.บึงกาฬ ได้มาติดต่อขอเช่าเป็นระยะเวลา 3 เดือน เดือนละ 10,000 บาท โดยระบุในสัญญาเช่าว่าทำการสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ จึงตัดสินใจให้ยอมเช่าไป โดยที่ไม่มีน้ำไม่มีไฟ หรือมีเครื่องอุปโภคหรือบริโภคใดๆ แต่ก็พบสิ่งผิดสังเกตคือมีการทำรั้วรอบขอบชิต และใช้เปลือกมะพร้าวมาวางบนถนนทางเข้า และมีการปรับเกรดพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และมีรถวิ่งเข้าอออยู่เป็นประจำและบางครั้งมีรถพ่วงเทลเลอร์ 18 ล้อวิ่งเข้า-ออกเช่นกัน จนกระทั่งมาทราบอีกครั้งจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าโกดังแห่งนี้ถูกใช้มาเป็นสถานที่ของการเก็บกัญชาเป็นจำนวนมาก ซึ่งตนเองยืนยันว่าไม่ทราบข้อมูลตั้งแต่แรกและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้แต่อย่างใด

พล.ต.ท.กวี  กล่าวว่า กัญชาทั้งหมดมีการเตรียมการที่จะส่งจำหน่ายไปยังต่างประเทศซึ่งหากสามารถนำส่งจำหน่ายไปได้จะมีมูลค่ามากถึง 1,000 ล้านบท ซึ่งชุดเฉพาะกิจปราบปรามยาเสพติดได้สนธิกำลังร่วมเฝ้าติดตามสถานการณ์และพฤติกรรมของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้มาอย่างต่อเนื่อง จนสามารถขยายผลตรวจสอบโกดังดังกล่าวนี้ได้ เพราะถนนเส้นทางเข้า-ออก มีการปรับเกรดเพื่อเตรียมที่จะนำรถเทลเลอร์มาทำการขนย้ายไปยังท่าเรือเพื่อจำหน่ายไปยังต่างประเทศ ในขณะที่ผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีนั้นจะมีการตรวจสอบและเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อติดตามจับกุมต่อไป