posttoday

นิติเวชจุฬายันผลดีเอ็นเอไม่ใช่2ผัวเมีย

10 ตุลาคม 2555

แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ แถลงผลตรวจดีเอ็นเอ โครงกระดูก 3 โครง เป็นชายไม่ใช่2ผัวเมียหายตัว พบเป็นคนงานพม่า1ศพ

แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ แถลงผลตรวจดีเอ็นเอ โครงกระดูก 3 โครง เป็นชายไม่ใช่2ผัวเมียหายตัว พบเป็นคนงานพม่า1ศพ

นิติเวชจุฬายันผลดีเอ็นเอไม่ใช่2ผัวเมีย

นพ.อุดมศักดิ์ หุ่นวิจิตร หัวหน้าหน่วยนิติพันธุศาสตร์และหน่วยวิชาการภาควิชานิติเวชศาสตร์ปละหน่วยวิชาการภาควิชานิติเวชศาสตร์ศูนย์อำนวยการชันสูตรพลิกศพคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมคณะแพทย์ ร่วมกันแถลงผลการ ตรวจโครงกระดูกมนุษย์ 3 ร่างที่ขุดพบในไร่ของพ.ต.อ.น.พ.นายแพทยสุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีการหายตัวไปของ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และนางสาวอรษา เกิด ทรัพย์ สองสามีภรรยาชาวจังหวัดเพชรบุรี

ซึ่ง จากการตรวจโครงกระดูก ตรวจฟัน และ ดีเอ็นเอ พบว่า โครงกระดูกทั้งสาม เป็นเพศชาย ทั้งหมด แต่ไม่ใช่โครงกระดูกของสองสามี ภรรยา เนื่องจาก ผลตรวจดีเอ็นเอ ไม่ตรงกับ มารดาผู้ต้องสงสัย แต่โครงกระดูก 1 ใน 3 พบรูกระสุนขนาดประมาณ 0.8 เซนติเมตร ด้านหลังกระโหลกศีรษะ 1 รู สามารถยืนยันได้ ว่า เป็นนายต้า หรือตั้น ชาวพมา คนงานในไร่ของพ.ต.อ.น.พ.สุพัฒน์ โดยมีการตรวจ ดีเอ็นเอเปรียบเทียบกับ นายปิเอ และเด็กชาย โซโหร่ยโหร่ย ซึ่งเป็นบิดาและบุตรชาย ของ โครงกระดูกนี้ยืนยันชัดเจน

ส่วนโครงกระดูกอีกร่างที่พบรูกระสุนเขาที่ด้านหลังกะโหลกศีรษะ 3 รู มีสภาพผุกร่อนมากที่สุด โดยเป็นเพศชาย อายุ ประมาณ 18-21 ปี สูง 158-168 เซนติเมตร ลักษณะเป็นชาวเอเชีย และโครง กระดูกสุดท้าย ซึ่งไม่พบรอยรอยกระสุนปืน แต่ พบคราบสีน้ำตาลบริเวณฟัน น่าเชื่อว่า มาจาก การกินหมาก เป็นเพศชาย อายุ 18-24 ปี สูง 163-172 เซนติเมตร ซึ่งโครงกระดูกทั้งสองนี้ เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้แล้ว รอการเปรียบเทียบ จากญาติผู้ตองสงสัยรายอื่นเท่านั้น

นพ. อุดมศักดิ์ ระบุด้วยว่า ข้อมูลการตรวจพิสูจน์ส่วนใหญ่สอดคล้องกับ การตรวจพิสูจน์จากสถานบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตํารวจ แต่ยังไม่สามารถระบุ ช่วงเวลา การเสียชีวิตที่แน่นอนได้ ซึ่งทีมแพทย์ ได้ส่งผล การตรวจพิสูจน์ให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว

ด้านนายเอก เลาหะวัฒนะ บุตรชาย พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ ผู้ต้องหาในคดีการหายตัวไปของสองสามีภรรยาชาวจังหวัดเพชรบุรี เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7,ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี และ ชุดสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรท่าไม้รวก เนื่องจาก มีการกระทำเกินกว่าเหตุหลายอย่าง ทั้งการรีบร้อนออกหมายจับ โดยไม่เคยมีการออกหมายเรียก รวมทั้งมีความพยายามเชื่อมโยงไปยังข้อหาฆ่าคนตาย ทั้งที่มีเพียงคำซัดทอดจากพยานเพียง 1 ปาก โดยยังไม่มีหลักฐานใดชี้ชัด

นอกจากนี้ ยังไม่เปิดโอกาสให้บิดาของตนเองเข้าชี้แจงข้อเท็จจริง แต่กลับมีการจับกุมโดยใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ทำให้ตนเองและบิดา สงสัยในการใช้อำนาจหน้าที่ของชุดสืบสวนสอบสวนทั้งหมด จึงขอให้พิจารณาเปลี่ยนชุดพนักงานสอบสวนใหม่ และขอให้เรียกตนเอง ผู้กล่าวหา และพยานทุกปากที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ไปสอบสวนให้ครบถ้วน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อตนเองและบิดาต่อไป