posttoday

รักษา“เอดส์-ไต”มาตรฐานเดียว1 ต.ค.นี้

17 กันยายน 2555

3 กองทุนสุขภาพดีเดย์รักษาผู้ป่วยโรคเอดส์-ไตมาตรฐานเดียวกันวันที่ 1 ต.ค.นี้

3 กองทุนสุขภาพดีเดย์รักษาผู้ป่วยโรคเอดส์-ไตมาตรฐานเดียวกันวันที่ 1 ต.ค.นี้

ที่ประชุมร่วม 3 กองทุนสุขภาพ ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสับคม (สปส.) และกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ในวันที่ 18 ก.ย.นี้ จะหารือเพื่อเตรียมความพร้อมระบบดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี (เอดส์) และผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.นี้

สำหรับแนวคิดหลักคือ ผู้ป่วยทุกรายทุกสิทธิจะสามารถเข้าถึงการบำบัดรักษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานเดียวกัน และจะได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องด้วยวิธีการรักษาแบบเดิมแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนสิทธิการรักษาก็ตาม ขณะที่หน่วยบริการก็จะได้รับเงินชดเชยค่าบริการและเวชภัณฑ์ตามระเบียบของกองทุนที่ผู้ป่วยย้ายเข้าใหม่

นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า หลังจากบูรณาการการรักษาโรคเอดส์และไตวายเรื้อรัง 3 กองทุน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะดำเนินการสร้างความเป็นเอกภาพของระบบทั้งสิทธิประโยชน์และแนวทางการชดเชยค่าบริการ ซึ่งขณะนี้ยังมีข้อแตกต่างบางประการ คาดว่าภายใน 2 ปี ทั้ง 3 กองทุน จะอยู่ในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด

นายวิทยา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทั้ง 3 กองทุนสุขภาพ มีระบบดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีด้วยการให้ยาต้านไวรัสและยาอื่นๆ รวมถึงการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อติดตามผลการรักษา และมีเปิดให้บริการปรึกษาพร้อมกับตรวจเลือดแบบสมัครใจ จากนี้จะพัฒนาศูนย์ข้อมูลกลาง การบริหารการเบิกยา เพื่ออำนวยความสะดวกหน่วยบริการให้มีระบบเดียวกัน เป้าหมายหลักคือผู้ป่วยต้องไม่ขาดยา ผู้ป่วยต้องไม่ขาดการรักษาเนื่องจากการเปลี่ยนสิทธิ ให้ผู้ป่วยรับยาในที่เดียว

ขณะที่การรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ผู้ป่วยทุกสิทธิจะเข้าถึงการบำบัดรักษาด้วยเกณฑ์มาตรฐานอันเดียวกัน หน่วยบริการและผู้ป่วยทุกรายจะได้รับทราบสิทธิประโยชน์และแนวทางปฏิบัติหากต้องเปลี่ยนสิทธิการรักษาในระหว่างการบำบัดทดแทนไต นอกจากนี้ผู้ป่วยทุกรายจะได้รับการเตรียมความพร้อมก่อนบำบัดทดแทนไตโดยไม่ต้องสำรองค่าใช้จ่าย

“ยืนยันว่าผู้ป่วยจะได้รับความสะดวกหากจำเป็นต้องเปลี่ยนไปรับการรักษาที่หน่วยบริการคู่สัญญาของกองทุนที่ย้ายเข้าใหม่ ผู้ป่วยโรคที่รับการบำบัดทดแทนไตที่เปลี่ยนสิทธิการรักษาทุกรายได้รับแจ้งทางจดหมายเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์หรือข้อมูลหน่วยบริการข้างเคียงในกรณีที่จะต้องเปลี่ยนสถานที่รักษา”นายวิทยา กล่าว