posttoday

ยึดทรัพย์รร.ปอเนาะหนุนก่อการร้าย

04 กันยายน 2555

ปปง.ยึดทรัพย์ ร.ร.อิสลามบูรพาชั่วคราว สนับสนุนก่อการร้าย เผยพบร.ร.ปอเนาะอีก2- 3 แห่งฐานความผิดเดียวกัน ปูดแหล่งเงินป่วนใต้โยงตาลีบัน

ปปง.ยึดทรัพย์ ร.ร.อิสลามบูรพาชั่วคราว สนับสนุนก่อการร้าย เผยพบร.ร.ปอเนาะอีก2- 3 แห่งฐานความผิดเดียวกัน ปูดแหล่งเงินป่วนใต้โยงตาลีบัน

ยึดทรัพย์รร.ปอเนาะหนุนก่อการร้าย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์

พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงข่าวการยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสถานการณ์ยังมีความรุนแรงอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะคดีที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติยึดอายัดทรัพย์สิน นายอุเซ็ง ปุโรง ประธานมูลนิธิอัดดิรอซาตอิสลามียะห์ กับพวกรวม 7 คน เพื่อให้นำหลักฐานเข้าชี้แจงที่มาของทรัพย์สิน โดยมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน จำนวน 3รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินเป็นที่ดินเนื้อที่ 18 ไร่ 2 งาน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง หรือที่ตั้งปอเนาะสะกอม หรือโรงเรียนอิสลามบูรพา ตั้งอยู่ที่บ้านใหม่ หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส

พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า คดีนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่งข้อมูลให้ปปง.ตรวจสอบ เนื่องจากวันที่ 2 ก.ค. 50 หน่วยความมั่นคงพบว่า มีการใช้สถานที่ของโรงเรียนเป็นสถานที่สนับสนุนการก่อการร้าย มีผู้นำระเบิดไปวางในสวนยางพาราสร้างความเสียหายเจ้าหน้าที่จึงเข้าปิดล้อมตรวจค้น จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 7 คน โดยผู้ต้องหารายหนึ่งได้เคยก่อเหตุลอบวางระเบิดถึง 17 ครั้ง และลอบวางเพลิงโดยใช้โรงเรียนเป็นที่ประกอบวัตถุระเบิด ส่วนผู้ต้องหาอีกรายหนึ่งชื่อนายมูฮัมหมัด อุเซ็ง มาซอ ใช้อาวุธปืนลอบยิงเจ้าหน้าที่ และการจับกุมนายมะนา เซ ยา แกนนำระดับครูฝึกด้านการประกอบวัตถุระเบิด ต่อมาเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 50 จึงมีคำสั่งถอนใบอนุญาตและปิดโรงเรียนอิสลามบูรพา และภายหลังได้มีการอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ

“บอร์ดปปง.มีมติยึดที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียน แต่ยังให้เปิดการเรียนการสอนได้ตามปกติ ยอมรับว่าคดีนี้เป็นคดีที่มีความละเอียดอ่อน ปปง.จึงต้องขอความเห็นใจจากประชาชนทั่วประเทศ เราไม่ได้ห้ามการเรียนการสอน แต่อย่าใช้สถานที่สอนก่อการร้าย หากปปง.ตรวจพบหรือมีการประสานจากหน่วยงานความมั่นคงให้เข้าไปตรวจก็ต้องดำเนินการ ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้หลายคดี โดยมีโรงเรียนปอเนาะอีก 2-3 แห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีลักษณะสนับสนุนก่อการร้ายคล้ายกับอิสลามบูรพา”พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว

เลขาธิการปปง. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ปปง.กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินจากต่างประเทศ เปิดเผยได้เพียงว่าเงินโอนมาจากประเทศแถบตะวันออกกลาง เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาและมนุษยธรรม ในรูปแบบมูลนิธิและองค์กรต่างๆ โดยส่งผ่านให้ทางโรงเรียนและศาสนา แต่มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพราะไม่มีใครเข้าไปตรวจสอบว่าในแต่ละกิจกรรมใช้เงินเท่าไร จากการตรวจสอบยังพบด้วยว่า เงินบริจาคจากต่างประเทศถูกส่งเข้ามาทำธุรกิจเพื่อฟอกเงินสนับสนุนก่อการร้าย โดยนำไปเปิดร้านขายทอง หรือลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่มีผลกำไร ใช้ชื่อผู้อื่นถือครองแทนแล้วเข้ามาเปิดบริษัทซื้อที่ดินในภาคใต้ ซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบว่าถูกใช้ฝึกก่อการร้ายหรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่าเส้นทางการเงินจากกลุ่มตะวันออกกลางมีเงินจากกลุ่มตะลีบันเข้ามาหรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า บางส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มตะลีบัน แต่ยังไม่ยืนยัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ยอมรับว่าเงินถูกโอนเข้ามาจำนวนมากกว่าหลักล้านบาท ซึ่งปปง.ได้ประสานให้ปปง.ในประเทศตะวันออกกลางช่วยตรวจสอบและสกัดการโอนเงินมายังมูลนิธิที่มีพฤติการณ์สนับสนุนก่อการร้าย

สำหรับการอายัดทรัพย์ชั่วคราวในโรงเรียนอิสลามบูรพานั้น ได้กำชับให้หน่วยงานความมั่นคงให้เข้าไปตรวจสอบและเฝ้าระวังเป็นพิเศษว่า ยังมีการสนับสนุนก่อการร้ายในรูปแบบ การให้ที่พักพิง สนับสนุนเรื่องอาหาร และให้ใช้พื้นที่โรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกหรือไม่ หากยังฝ่าฝืนต้องยึดที่ดินให้ตกเป็นของแผ่นดิน

“การยึดที่ดินของโรงเรียนเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปปง.กลัวว่ากลุ่มผู้ไม่หวังดีจะนำเรื่องนี้ไปขยายผล ปลุกปั่นชาวบ้านให้เข้าใจผิดว่า เมื่อปปง.ยึดทรัพย์แล้วต้องสั่งปิดโรงเรียน ซึ่งอยากชี้แจงว่าเป็นคนละเรื่องกัน ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าเรากลัว แต่เมื่อหลักฐานชัดเรากลัวไม่ได้”พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว

สำหรับผลการยึดทรัพย์ในช่วงเดือนสิงหาคม มีดังนี้ 1. คดียาเสพติดกลุ่ม นายสุริยันต์ พงศ์มานะวุฒิ กับพวก จำนวน 170 รายการ มูลค่ากว่า 16 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นทองรูปพรรณ ธนบัตรรัฐบาลไทย และธนบัตรรัฐบาลมาเลเซีย 2. คดียาเสพติดกลุ่ม นายแสงทิตย์ คติสมสกุล กับพวก จำนวน 35 รายการ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท ซึ่งทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และสิทธิเรียกร้องตามสลากออมสิน 3 คดีค้ามนุษย์กลุ่ม นางประนอม แปรโคกสูง กับพวก จำนวน 57 รายการ อยู่ระหว่างการประเมินราคา ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในบัญชีธนาคาร เงินสด อาวุธปืน และสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์