พยาน4 ปากยันฝั่งตรงข้ามยิงลูกชาดาก่อน

ผบช.ตร.ภ.3 เผย คดียิงลูกชาดา พยาน 4 ปาก ยืนยันฝั่งตรงข้ามยิงก่อน ขณะที่ปลอกกระสุนปืนขนาด .380 โผล่ปริศนา

พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เปิดเผยนความคืบหน้าคนร้ายยิงนายฟารุต ไทยเศรษฐ์ บุตรชายนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ว่า วานนี้ (27 ส.ค. 55) ทางชุดสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำการสอบปากคำพยานในที่นั่งมากับรถของนายฟารุต 4 คน ซึ่งทำให้สามารถตีวงแคบได้ในเรื่องรูปพรรณสัณฐานของรถยนต์คนร้าย และปืนของทั้ง 2 ฝ่าย เหลืออีก 1 คน ซึ่งเป็นผู้หญิงที่นั่งมากับรถของนายชาดาฯ

ทั้งนี้จากการสอบพยานทั้ง 4 คน ให้การตรงกันว่ารถยนต์ของคนร้าย เป็นรถยี่ฮ้อมิตซูบิชิ รุ่นสตราด้า สีเทา โหลดเตี้ย เลขทะเบียนขึ้นต้นด้วย 12 และทั้งหมดยืนยันว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้เริ่มยิงปืนเข้าใส่รถของนายฟารุตก่อน ส่วนปืนที่พยานนำมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวาน เป็นขนาด 9 มม. รุ่น ซีแซด ทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นของคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายของนายฟารุต ซึ่งตรงกับปลอกกระสุนขนาด 9 มม. ในที่เกิดเหตุ

ทั้งนี้ปลอกกระสุนขนาด 9 มม.ที่พบในที่เกิดเหตุมีทั้งหมด 10 ปลอก โดยเป็นของฝ่ายเพื่อนนายฟารุต 7 ปลอก อีก 3 ปลอกน่าจะเป็นของคนร้าย ส่วนปลอกกระสุนขนาด .380 จำนวน 3 ปลอก นั้น พยานทั้งหมดยืนยันว่าไม่มีและไม่ทราบเป็นของใคร

ส่วนดีเอ็นเอเลือดที่พบในรถยนต์ของนายฟารุต มี 2 คน คือของนายฟารุต และของเพื่อนนายฟารุตที่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ของคนร้ายแน่นอน ซึ่งพยานทั้งหมดก็ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุมีการเปิดไฟสูงใส่กัน และแซงกันไปมาจริง ดังนั้นจึงตรงกับที่ตำรวจให้น้ำหนักไปที่เหตุเฉพาะหน้า ไม่ใช่การวางแผนสังหาร หรือความขัดแย้งทางการเมือง ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่ตัดประเด็นเหล่านั้นออก ยังคงจัดชุดลงพื้นที่ไปหาข่าวตามจุดต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายน่าจะหลบหนีไปกบดานอยู่ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าคนร้ายจะยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาหรือไม่ เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมา สามารถเดินทางไปจังหวัดอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย จนถึงชายแดนกัมพูชา

ส่วนการค้นหาปืนขนาด 9 มม. ขณะนี้ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขอหมายตรวจค้นปืนในพื้นที่ อ.ปากช่องแล้ว ซึ่งมีที่จนทะเบียนถูกต้องทั้งหมดประมาณ 100 กระบอก แต่ยังมีปืนเถื่อนอีกจำนวนมาก ซึ่งวันนี้ (28 ส.ค.55) ตนจะลงพื้นที่ไปใน อ.ปากช่อง เพื่อรับฟังเบาะแส และติดตามความคืบหน้าคดีอีกครั้ง

เมื่อถามว่า วันเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในรถยนต์ของนายฟารุตฯ หรือไม่ พล.ต.ท.ภาณุฯ กล่าวว่า ไม่มีอย่างแน่นอน ซึ่งตนก็ยืนยันว่าไม่มีมาตั้งแต่วันแรกแล้ว ส่วนกรณีที่มีผู้โทรศัพท์มาแจ้งว่า มีคนมีสีเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้ ตนยืนยันว่าไม่มี คนที่โทรมาแจ้งเบาะแส อาจจะนำเรื่องเก่าๆ มาประติดประต่อเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน เพื่อหวังเงินรางวัลนำจับหรือเปล่า แม้กระทั่งบางคนที่โทรมาแจ้งเบาะแสว่ามีทหารพรานเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด และขอให้สบายใจได้ว่า คดีนี้จะไม่มีการจับแพะแน่นอน เพราะขณะนี้หลักฐานเริ่มตีวงแคบได้มากแล้ว