posttoday

สมาร์ตโฟนราคาแพง แชตเพลิน อาจเป็นภัย

28 สิงหาคม 2555

โทรศัพท์มือถือที่ใช้กันทุกคนในปัจจุบัน ดูเหมือนมูลค่าของแต่ละเครื่องจะแพงพอๆ กับทองคำไปเสียแล้ว

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

โทรศัพท์มือถือที่ใช้กันทุกคนในปัจจุบัน ดูเหมือนมูลค่าของแต่ละเครื่องจะแพงพอๆ กับทองคำไปเสียแล้ว เพราะด้วยวิถีชีวิตของแต่ละคนที่ต้องมีระบบเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งด้านการงานหรือธุระส่วนตัวต่างๆ ยิ่งแพงก็ยิ่งมีคุณภาพ และแน่นอนก็ยิ่งต้องตาต้องใจเหล่ามิจฉาชีพที่อยากได้อยากมี อยากลักพวกมือถือราคาแพงเพื่อนำไปขายต่อ หรือนำมาใช้เองเช่นกัน

ภัยร้ายสังคมเมืองจากเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งทีเดียว และเกิดได้ทุกโมงยามไม่แต่เฉพาะในยามค่ำคืน ไม่เว้นจุดเกิดเหตุตามสถานีรถไฟฟ้าแห่งต่างๆ หรือตามป้ายรถเมล์ที่เหยื่อมักจะเผลอ “เล่น กด” โทรศัพท์จนลืมสนใจสังคมรอบข้าง หารู้ไม่ว่าอาจจะมีมิจฉาชีพจ้องประทุษร้ายอยู่ด้วย

จากประสบการณ์ของ “ณี” สาวออฟฟิศคนหนึ่ง ที่ถูกโจรวิ่งราวทรัพย์สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท เหตุเกิดในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเย็นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสวงเวียนใหญ่ ขณะที่เธอกำลังรอรถเมล์อยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้า ด้วยความประมาทที่เธอเองก็ยอมรับ เมื่อเธอมัวแต่สนใจกับ “โทรศัพท์มือถือ” ของตัวเอง ทั้งกดทั้งแชต เข้าเน็ต เล่นเฟซบุ๊ก กระทั่งมีคนร้ายฉวยจังหวะที่เธอไม่ทันระวังตัว กระชากสร้อยคอทองคำก่อนจะขึ้นรถจักรยานยนต์ที่เพื่อนจอดรอ บึ่งหนีไปทันที

หรือบางรายยังถูกขโมยโทรศัพท์มือถือไปต่อหน้าต่อตา ด้วยการวิ่งราวกระชากทรัพย์สินราคาแพงของเราๆ ท่านๆ หายวับหลบหนีอย่างลอยนวล กว่าจะไปแจ้งตำรวจให้ตามจับ คนร้ายก็คงหนีเข้ากลีบเมฆไปแล้ว

สมาร์ตโฟนราคาแพง  แชตเพลิน อาจเป็นภัย

เป็นตัวอย่างที่พอจะเห็นภาพได้ดีกับเหล่าสาวๆ หนุ่มๆ ที่ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือเพื่อฆ่าเวลา ถือเป็นกิจกรรมที่คนเมืองส่วนใหญ่ใช้เสพกันจนเป็นเรื่องปกติ ทำให้โจรร้ายมีช่องในการก่อเหตุ ถือเป็นภัยสังคมและยังเป็นภัยเศรษฐกิจอีกด้วย เพราะแน่นอนว่าเมื่อของหายไป ก็ต้องมาซื้อใช้กันใหม่อีกครั้ง เปลืองเงินในกระเป๋าสตางค์ดีแท้

กองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. เล็งเห็นปัญหาในข้อนี้เช่นกัน จึงต้องออกมาเตือนประชาชนให้ระมัดระวังเหล่ามิจฉาชีพที่จ้องเหยื่อเพื่อลงมือในลักษณะข้างต้นไว้ด้วย

บช.น.ให้ข้อมูลเพื่อเตือนให้ระวังภัยอย่างน่าสนใจ โดยระบุถึงพฤติกรรมของคนร้ายที่จะเลือกเหยื่อกันอย่างไรบ้าง และแนวทางการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของเหล่ามิจฉาชีพ

1.คนร้ายมักมองหาเหยื่อที่กำลังใช้โทรศัพท์มือถือหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ขณะเดินตามท้องถนน หรือตามป้ายรถเมล์ ไม่เว้นแม้แต่บนรถไฟฟ้า ที่จะติดตามเหยื่อเมื่อถึงที่หมาย อีกทั้งเพราะช่วงนั้นที่คนมัวแต่ใช้โทรศัพท์ มักไม่ระวังตัว จึงถูกกระชากสร้อยหรือฉกโทรศัพท์มือถือกันได้ง่าย

2.พึงคิดไว้เสมอว่าเหตุร้ายไม่จำเป็นต้องไปเกิดแต่ในยามค่ำคืนเท่านั้น กลางวันหากมีช่องโหว่ โจรร้ายก็สามารถเลือกลงมือได้ เพราะโจรร้ายมีอยู่แทบจะทุกที่

3.อย่ายืนในจุดเสี่ยงหรือที่เปลี่ยวคนเดียว โดยเฉพาะตามป้ายรถเมล์ที่เปลี่ยว หากเลี่ยงได้ให้เลี่ยงทันที เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นไว้ก่อน

4.คนร้ายที่ประสงค์ทรัพย์หรือที่จะก่อเหตุ ไม่จำเป็นต้องมีมาดที่ไม่น่าเชื่อถือ ทุกวันนี้คนที่แต่งตัวดีๆ แต่เป็นโจรก็มีอยู่ถมไป ต้องระวังตัวเองไว้เสมอ

5.หากจำเป็นต้องรอรถเมล์ที่ป้ายรถเมล์ เป็นไปได้ อย่านำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นหากไม่จำเป็น เพราะอาจจะเกิดเหตุทั้งลักทรัพย์หรือถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ อีกทั้งยังเป็นการล่อโจรร้ายให้มุ่งต่อทรัพย์สินของเราเอง

ทั้ง 5 ข้อข้างต้นที่ทาง บช.น.ฝากมาเตือนประชาชนทุกหัวระแหงในเขตเมืองกรุง ให้ระมัดระวังตนเองเพิ่มขึ้น หากจะใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพงของตนเอง ก็ควรจะใช้แต่พอประมาณ อย่าเอาออกมายั่วน้ำลายโจรร้าย หรือแชตเพลินจนลืมดูรอบข้าง กลายเป็นเหยื่อเอาได้ง่ายๆ

กอปรกับราคาของโทรศัพท์มือถือจำพวกสมาร์ตโฟนต่างๆ ที่ราคามือสองก็ใช่ว่าจะต่ำเสียเมื่อไหร่ หากลักมาแล้วนำไปขายต่อก็ยังคงได้ราคาดีอีกด้วย แม้แต่ละร้านค้าจะทำเอกสารการซื้อขายต่อมือถือมือสองอยู่ก็ตาม แต่แน่นอนว่ายังคงมีอีกหลายร้านมือถือที่รับซื้อของโจรในราคาถูก แต่นำไปขายต่อในราคาแพง ส่งผลให้ตลาดโทรศัพท์มือถือที่ถือว่ามีราคา คุณค่าไม่น้อยไปกว่าทองคำเช่นกัน

ภัยสังคมอีกรูปแบบที่ประชาชนคนเดินดินต้องระมัดระวังตัวเองเข้าไว้ อย่ามัวเล่นแชต เช็กเฟซบุ๊กจนไม่ลืมหูลืมตา ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกประทุษร้ายเอาได้ง่ายๆ เก็บไว้ไปเล่นที่บ้านจะดีกว่า!!!