posttoday

ปิดคดีปล้นร้านทองเบาะแสจากยางรถ

27 สิงหาคม 2555

ด้วยความช่างสังเกตและเกาะติดการคลี่คลายคดีแบบกัดไม่ปล่อย ทำให้ชุดสืบสวน

โดย...วัสยศ งามขำ

ด้วยความช่างสังเกตและเกาะติดการคลี่คลายคดีแบบกัดไม่ปล่อย ทำให้ชุดสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) รวบสองโจรปล้นร้านทองไว้ได้ แม้ว่าจะใช้เวลาสืบสวนนานถึง 53 วัน ภายใต้ความเชื่อที่ว่า “อาชญากรรมย่อมทิ้งร่องรอย” เมื่อแกะปริศนาคดีนี้ได้จาก “ยางรถจักรยานยนต์” ของคนร้าย

นักสืบมืออาชีพอย่าง พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 เข้ามานั่งหัวโต๊ะคุมการสืบสวนคดีนี้ด้วยตัวเอง หลังจากเมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา พบว่ามีคนร้ายเป็นชาย 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ซูเปอร์โฟร์ สีแดงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ทั้งสองคนสวมหมวกนิรภัยและถุงมือ ใช้อาวุธปืนลูกซองยาวและอาวุธปืนพก สเต็น มาร์กทู เข้าปล้นร้านทองงามศิลป์ 2 ในตลาดเทศบาลทับสะแก อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทองรูปพรรณรวมหนัก 200 บาท ราคาราว 5 ล้านบาท ก่อนที่จะเปิดฉากดวลปืนกันหน้าร้านกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุ พล.ต.ท.หาญพล รู้ดีว่าเมื่อคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ก็จำเป็นที่จะต้องหลบหนีไปบนท้องถนน ดังนั้นกล้องวงจรปิดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นของรัฐ หรือห้างร้านเอกชน บนเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไปจึงถูกนำมาตรวจสอบ แต่เมื่อตรวจสอบแล้วกลับพบว่ารถดังกล่าวได้วิ่งอยู่บนถนนช่วงหนึ่ง หลังจากนั้นก็หายไปจากกล้องทุกตัวในรัศมี 3040 กิโลเมตร จากจุดเกิดเหตุข้อสันนิษฐานเบื้องต้นของทีมสืบสวน จึงพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนร้ายในพื้นที่ หรือไม่ก็อาจจะมีรถปิกอัพมารับไประหว่างทางเพื่ออำพรางพาหนะ จากการสกัดจับของตำรวจท้องที่

ผ่านไปราว 10 วัน เที่ยงของวันที่ 8 ก.ค. ตำรวจก็พบรถจักรยานยนต์คันที่ก่อเหตุได้ หลังจากที่คนร้ายนำมาจอดซุกซ่อนอยู่ในบริเวณ บริษัท อุดมชัยแพลน บ้านคอกม้า ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงยึดไว้เป็นของกลาง

ก่อนจะตรวจสอบพบว่าเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า ขนาด 400 ซีซี ที่เรียกกันติดปากในหมู่นักซิ่งว่า “ซูเปอร์โฟร์” ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยหมายเลขตัวรถถูกขูดลบเช่นเดียวกับหมายเลขเครื่อง ทั้งนี้มีบางส่วนอ่านได้เพียง NCE 23 E – เท่านั้น

ปิดคดีปล้นร้านทองเบาะแสจากยางรถ

 

แต่เนื่องจากการตรวจสอบรถของกลางกลับไม่พบที่มาที่ไป ท่ามกลางความมืดสนิทของคดี พล.ต.ท.หาญพล ก็สังเกตเห็นว่ายางรถจักรยานยนต์คันนี้เป็นยางที่อยู่ในลักษณะใหม่เอี่ยม เมื่อตรวจสอบพบว่ายางรถคันนี้เป็นยางที่นำเข้ามาจากประเทศบราซิล และถูกนำเข้ามาในเมืองไทยเพียง 20 เส้นเท่านั้น

ชุดสืบสวนที่ลงไป จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายจุดที่ยางยี่ห้อนี้ถูกส่งไปขาย ก็พบว่าเป็นร้านขายรถซูเปอร์โฟร์ที่ชื่อว่า “ตาปีบิ๊กไบค์” เมื่อเอาภาพถ่ายรถของกลางให้ดู เจ้าของเดิมก็ยืนยันทันทีว่าเป็นรถที่ขายให้ไปกับชายคนหนึ่งในราคา 9 หมื่นบาท เมื่อราววันที่ 23 มิ.ย. ก่อนเกิดเหตุ 34 วัน ซึ่งแม้ว่ารถจะถูกเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็จำตำหนิรถได้อย่างแม่นยำ

พล.ต.ท.หาญพล สั่งให้ตำรวจแกะรอยกรอฟิล์มกล้องวงจรปิดทุกตัว ในย่านร้านขายจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ดังกล่าว ไปยังวันที่มีชายปริศนามาซื้อรถคันนั้น จนพบว่าในวันที่คนที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายมาซื้อรถจักรยานยนต์นั้น ได้มีรถปิกอัพยี่ห้ออีซูซุขับประกบตามมาด้วย และเบาะแสอีกอย่างที่ได้จากกล้องคือ รถปิกอัพดังกล่าวมีหมวดจังหวัดติดอยู่ที่ป้ายทะเบียนเป็น จ.ชุมพร ซึ่งจากการแกะรอยในขั้นแรก ก็พบว่ามีรถที่เข้าข่ายอยู่ใน จ.ชุมพร ราว 100 คันเศษ และเมื่อสกรีนรถทีละคันๆ แล้วก็พบว่า มีอยู่คันหนึ่งที่เพิ่งขายออกไปจากเต็นท์รถย่านแยกปฐมพร ถนนเพชรเกษม อ.เมือง จ.ชุมพร

นั่นทำให้รู้ว่าคนที่ซื้อรถดังกล่าวนั้นเป็นใครจากเอกสาร และทั้งคนที่ซื้อรถที่ร้านตาปีบิ๊กไบค์ กับที่ซื้อรถปิกอัพก็มีรูปพรรณใกล้เคียงกัน ก็ทำให้เชื่อได้ว่าผู้ก่อเหตุคือ สาธิต พรหมแก้ว อายุ 26 ปี และอำพล นามกร อายุ 24 ปี ทั้งคู่เป็นชาว จ.ชุมพร ชุดสืบสวนจึงขออนุมัติจากศาลเพื่อออกหมายจับในข้อหาร่วมกันชิงทรัพย์ โดยมีและใช้อาวุธปืนและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบประวัติทั้งคู่ยังพบว่า สาธิตเคยถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ เมื่อปี 2552 ต่อมาเมื่อเดือน เม.ย. 2555 ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ ที่ สภ.ปากน้ำหลังสวน จ.ชุมพร ถูกออกหมายจับแต่หลบหนี ส่วน อำพล เคยถูกจำคุกในคดีลักทรัพย์ เมื่อปี 2551 เมื่อเดือน พ.ค. 2555 ได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ใน จ.นครศรีธรรมราช และที่ จ.ชุมพร มีหมายจับติดตัวหลายคดี

เมื่อพบว่าผู้ต้องหาทั้งสองพักอาศัยอยู่ที่ ดาลี เรสซิเดนท์ ซอยรามคำแหง 53 จึงได้นำกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อจับกุม แต่ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้กับตำรวจและหลบหนีไปได้ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคนร้ายนั้นถูกยิงได้รับบาดเจ็บ การหลบหนีไปของคนร้ายทำให้ พล.ต.ท.หาญพล ต้องเพิ่มดีกรีความเข้มในการไล่ล่ามากยิ่งขึ้น โดยได้พยานที่เป็นรถแท็กซี่ให้การเป็นข้อมูลในการมัดตัวคนร้าย ทำให้รู้ถึงเส้นทางหลบหนี ชุดสืบสวนก็รู้ว่าคนร้ายไปหลบหนีอยู่ใน จ.ชลบุรี กระทั่งวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็สามารถรวบตัวคนร้ายไว้ได้ขณะกบดานอยู่ในพื้นที่ อ.ศรีราชา ทั้งคู่รับสารภาพ โดยอ้างว่าต้องการเงินไปเรียนและใช้หนี้พนันฟุตบอล

“เราประสบความสำเร็จในคดีนี้ เพราะเราเก็บหลักฐานทุกอย่างที่มี อาชญากรรมทุกอย่างย่อมทิ้งร่องรอย เป็นความเชื่อที่ทำให้เราสืบสวนคดีนี้นานถึง 53 วัน ตามล่าไปทุกจังหวัดแบบกัดไม่ปล่อย การสืบสวนมันต้องเป็นแบบนี้” พล.ต.ท.หาญพล กล่าวหลังปิดแฟ้มคดี เขายังบอกด้วยว่าคนร้ายสองคนนี้เป็นมืออาชีพในการหลบหนี ไม่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้ติดตาม การสืบสวนคดีนี้จึงใช้วิธีโบราณที่สุดที่เรียกว่า “เดินดิน” ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็พิสูจน์ได้ว่ามันพาไปสู่ความสำเร็จของคดีได้เช่นเดียวกัน