posttoday

รวบหนุ่มแชทเฟสบุ๊กลวงขืนใจ

20 สิงหาคม 2555

ตำรวจนครบาลรวบหนุ่มวัย33ลวงเหยื่อเฟสบุ๊กทั้งลักทรัพย์และขืนใจสาวรุมชี้ตัวอื้อ

ตำรวจนครบาลรวบหนุ่มวัย33ลวงเหยื่อเฟสบุ๊กทั้งลักทรัพย์และขืนใจสาวรุมชี้ตัวอื้อ

รวบหนุ่มแชทเฟสบุ๊กลวงขืนใจ ภาพข่าว

พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. คุมตัว นายชาคร หรือโอม บุญเชิญ อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระโขนง ที่ 407/55 ลงวันที่ 4 ก.ค. 2555 ในข้อหาลักทรัพย์ และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ จับกุมตัวได้บริเวณแฟลตที่พักย่านลาดพร้าว ไปที่กองบัญชาการตำรวจนคบาลให้พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ทำการแถลงข่าว

คดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความในหลายท้องที่ว่า ถูกนายชาคร ลักทรัพย์และข่มขืน โดยหลอกลวงผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นจะนัดเจอกับเหยื่อ ทำทีพูดคุยตีสนิทให้เหยื่อตายใจ ก่อนจะหาโอกาสลักทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป และยังมีหญิงสาวบางรายถูกข่มขืนด้วย ตำรวจต้องใช้เวลากว่า 3 เดือน จึงติดตามจับกุมตัวมาได้

เหตุที่ตามรวบผู้ต้องหารายนี้ได้เนื่องจากนายสุเมธ วิวัฒน์วิชา อายุ 48 ปี ช่างภาพนิตยสารแพรว ที่ถูกคนร้ายทุบกระจกรถและขโมยเงินสดกับกล้องถ่ายภาพที่ใช้ถ่ายแบบดาราคู่ขวัญ ณเดชน์ คูกิมิยะ กับญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์ไป

กระทั่งนายสุเมธ ได้ประกาศว่าอยากที่จะได้ภาพของดาราคู่ขวัญคืน กระทั่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 18 ส.ค. นายสุเมธได้แจ้งกับ พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ว่า มีชายไม่ทราบชื่อโทรฯ มาบอกว่าพบกล้องถ่ายภาพที่มีรูปของญาญ่ากับณเดชน์ และพร้อมที่จะคืนให้แต่ต้องแลกกับเงินสด 30,000 บาท พล.ต.ต.พิสิฏฐ์จึงเกิดเอะใจคิดว่าน่าจะเป็นนายชาคร เพราะมีประวัติเคยก่อเหตุลักษณะแบบนี้ จนรวบตัวได้ในที่สุด

"ผู้ต้องหาไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร หลอกลวงเอาทรัพย์สินจากเหยื่ออย่างเดียว โดยจะเข้าไปค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์คำว่า "แจ้งเบาะแสรางวัลนำจับ" จากนั้นก็จะเข้าไปดูข้อมูล และโทรศัพท์ไปหลอกเหยื่อเพื่อจะเอารางวัลนำจับ หรืออ้างว่าพบของของเหยื่อแต่ต้องนำเงินมาแลก ผู้ต้องหารายนี้ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายมาแล้วนับร้อยราย มีหมายจับกว่า 5 หมาย บุคลิกเป็นคนช่างเอาใจ พูดจาหว่านล้อมคนเก่ง ทำให้เหยื่อไว้ใจหลงเชื่อจนสูญเสียทรัพย์สิน" พล.ต.ต.พิสิฎฐ์ กล่าว

ทั้งนี้ พฤติกรรมของนายโอม ค่อนข้างระมัดระวังตัวมาก จะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ทุกสัปดาห์ จะไปเช่าห้องพักต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพื่อหลบหนีการตรวจค้นของตำรวจและเหยื่อ โดยจากการตรวจค้นภายในห้องพักของผู้ต้องหาพบบัตรประชาชน และเอกสารสำคัญจำนวนมาก คาดว่าน่าจะเป็นของเหยื่อที่ถูกหลอก

ขณะนี้พบว่ามีผู้เสียหายที่ยืนยันว่าถูกผู้ต้องหาลักทรัพย์ นับ100ราย หลังจากนี้จะเร่งประสานผู้เสียหายให้เข้ามาชี้ตัวผู้ต้องหาและตรวจสอบของกลาง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหารายนี้ต่อไป.