posttoday

กรีนพีซชงรัฐเร่งออกกม.พลังงานหมุนเวียน

05 สิงหาคม 2555

กรีนพีซรณรงค์ปฏิวัติพลังงาน เสนอหลักการ 5 ข้อ เร่งรัฐออกกฎหมายพลังงานหมุนเวียน โชว์ “โดมกู้วิกฤตโลกร้อน” ต้นแบบผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้เอง

กรีนพีซรณรงค์ปฏิวัติพลังงาน  เสนอหลักการ 5 ข้อ เร่งรัฐออกกฎหมายพลังงานหมุนเวียน โชว์ “โดมกู้วิกฤตโลกร้อน”   ต้นแบบผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้เอง 

นางสาวณัฐวิภา อิ้วสกุล ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเซียตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า  กล่าวว่า    กรีนพีซได้จัดโครงการ “ปฎิวัติพลังงาน ผ่านกฎหมายพลังงานหมุนเวียน” เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการมีกฎหมายพลังงานหมุนเวียน   โดยทราบว่าขณะนี้ทางกระทรวงพลังงานได้มีการยกร่างกฎหมายพลังงานหมุนเวียนฉบับแรกของประเทศไทยแล้ว

ดังนั้น  กรีนพีซขอเรียกร้องกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่รัฐบาลกำลังยกร่าง ต้องมีหลักการขั้นพื้นฐาน 5 ข้อดังต่อไปนี้เพื่อให้กฎหมายดังกล่าวเป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาวิกฤตพลังงานไทย โดย   1.รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาและการลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนเป็นอันดับแรก ผู้ผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนสามารถเข้าถึงระบบสายส่งก่อนพลังงานอื่นๆ  2. ทุกคน ทุกบ้าน ทุกหย่อมหญ้า สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้และขายเข้าสู่ระบบสายส่งไฟฟ้า ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันในการใช้และผลิตพลังงานหมุนเวียน

 3.การบริหารจัดการระบบโครงข่ายไฟฟ้าต้องมีความโปร่งใสและราคาไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนมีความเป็นธรรม 4.ต้องมีการจัดตั้งกองทุนและพัฒนาศักยภาพและเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนในทุกจังหวัด และเพิ่มอัตราการจ้างงานจากการลงทุนและการดำเนินงานระบบพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืน  5.ผู้ใช้ไฟฟ้ามีสิทธิเลือกใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาดและยั่งยืนแทนไฟฟ้าจากพลังงานฟอสซิล เพื่อสร้างจิตสาธารณะร่วมกัน ลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม    โดยกรีนพีซเริ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องทั้งทางออนไลน์และการจัดกิจกรรมตามพื้นที่ต่างๆ เพื่อระดมพลังประชาชนอย่างน้อย 55,555 คน เพื่อผลักดันให้เกิดกฎหมาย พลังงานหมุนเวียนฉบับแรกของไทยโดยเร็วที่สุด

“เราเชื่อว่าหากกฎหมายพลังงานหมุนเวียนที่มีเนื้อหาอยู่ภายใต้กรอบดังกล่าวนี้จะสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกอบกู้วิกฤตพลังงาน และการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  อีกทั้งจากอดีตถึงปัจจุบัน การจัดการวางแผนพลังงานของประเทศไทยโดยภาครัฐ   โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ต่างๆ ได้ก่อให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างและความขัดแย้งขึ้นในสังคมอย่างกว้างขวาง เพราะโครงการดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และวิถีชีวิตชุมชน จนนำมาสู่การคัดค้านจากประชาชนจำนวนมาก”

 นางสาวณัฐวิภา กล่าวว่า  ดังนั้น  ต้องมีการปรับกระบวนทัศน์ของการพัฒนาพลังงานของประเทศไทยที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์สุขของประชาชนและความมั่นคงด้านทรัพยากรสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ภาครัฐควรให้ความสำคัญ  โดยการปฎิวัติพลังงาน  ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าและการประหยัดพลังงาน ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลสกปรก อาทิ ถ่านหิน ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มาเป็นพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานจากลม แสงแดด ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพสูง ต้นทุนรวมต่ำและสามารถส่งเสริมการกระจายศูนย์การผลิตพลังงานเพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้

“พลังงานหมุนเวียนไม่ใช่ความฝันแห่งอนาคต แต่เป็นความจริงที่กำลังเติบโตขึ้น และสามารถนามาใช้ในระดับมหภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาทาให้เห็นว่าเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียน เช่น กังหันลม, แผงเซลล์สุริยะ, โรงไฟฟ้าชีวมวล และตัวเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้เคลื่อนตัวเข้าสู่การผลิตพลังงานกระแสหลักของโลกอย่างต่อเนื่อง และสามารถตอบสนองความต้องการด้านพลังงานที่กำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับกระแสการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า พลังงานหมุนเวียนมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลกอย่างมีนัยสาคัญ ดังนั้น จึงถือได้ว่าพลังงานหมุนเวียน คือ “ยุทธศาสตร์” ที่สาคัญในการกอบกู้ปัญหาวิกฤตพลังงานและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก” นางสาวณัฐวิภา กล่าว

 ทั้งนี้กรีนพีซได้จัดมหกรรมปฏิวัติพลังงานผ่านกฎหมายพลังงานหมุนเวียน ที่   ลานราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก  ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 ส.ค.  โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ  รวมถึงคอนเสิร์ตปฏิวัติพลังงาน ในโดมกู้วิกฤตโลกร้อน (Climate rescue station)  ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เรื่องโลกร้อนที่ได้เข้ามาประจำการในประเทศไทย   ตัวโดมเป็นทรงลูกโลกจำลอง มีระบบผลิตไฟฟ้าจากแผงเซลสุริยะและกังหันลมขนาดเล็ก กรีนพีซนำโดมกู้วิกฤตโลกร้อนไปยังหลายประเทศทั่วโลกเพื่อสื่อสารและแสดงให้เห็นว่า ทุกคนสามารถลงมือทำเพื่อกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศได้ หากรัฐบาลมีเจตจำนงทางเมืองในการสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาและลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มที่