posttoday

เปิดกลยุทธ์แก้เผ็ด เด็ดแก๊งปล้นมินิมาร์ท

30 กรกฎาคม 2555

ตำรวจเมืองนนทบุรีถึงกับต้องปรับแผนสายตรวจและแผนป้องกันเหตุกันขนานใหญ่

โดย...วัสยศ งามขำ

ตำรวจเมืองนนทบุรีถึงกับต้องปรับแผนสายตรวจและแผนป้องกันเหตุกันขนานใหญ่ หลังจากที่แก๊งเด็กวัยรุ่นและเหล่ามิจฉาชีพพุ่งเป้าปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ หรือมินิมาร์ท ยามค่ำคืนที่มีกระจัดกระจายอยู่กว่า 400 แห่ง แต่ด้วยความรอบคอบของเทคนิคการทำประวัติอาชญากรของบรรดาแก๊งซิ่งจักรยานยนต์ในยามวิกาล นั่นทำให้คนร้ายที่ก่อเหตุอย่างน้อยสองกลุ่มต้องจนมุมเข้ากรงขังไปรอรับโทษอย่างไม่กล้าที่จะเอ่ยปากปฏิเสธ

จ.นนทบุรีถือเป็นพื้นที่ใหม่ที่รองรับการขยายตัวของผู้คนในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่กลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรและที่พักอาศัยจำนวนมาก ทำให้ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ต่างๆ แห่ปักธงให้บริการลูกค้ากันอย่างคึกคัก ที่สำคัญด้วยความที่เป็นพื้นที่ใหม่บางครั้งในบางเส้นทางยังเป็นพื้นที่เปลี่ยวในรูปแบบของสังคมริมทางหลวงชนบท มินิมาร์ทกลางดึกที่เปิดไฟสว่างไสวรอรับลูกค้าแบบ 24 ชั่วโมง กลายเป็นเหยื่ออันโอชะของบรรดาวายร้ายที่พร้อมจะเข้าปล้นเงินจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์ตลอดเวลา

หากดูสถิติของคนร้ายปล้นทรัพย์ร้านสะดวกซื้อในเขต จ.นนทบุรี ในช่วงเวลาที่ผ่านมาพบว่าเกิดขึ้นต่อเนื่อง ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.จนถึงสิ้นสัปดาห์ที่ผ่านมา มีร้านมินิมาร์ทถูกบุกเข้าปล้นทรัพย์มากถึง 11 แห่ง ซึ่งส่วนมากจะเกิดขึ้นในพื้นที่ อ.บางศรีเมือง บางกรวย และบางบัวทอง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนเมืองนนท์ต้องตั้งป้อมขึ้นมาตามล่าวายร้ายกันขนานใหญ่ แต่ด้วยมาตรการป้องกันเหตุที่ตำรวจขับเคลื่อนมาก่อนหน้านี้ ทำให้วายร้ายที่ก่อเหตุทั้งหมดต้องจนมุมอย่างดิ้นไม่หลุดพร้อมกับคำรับสารภาพ

นายตำรวจที่เป็นหนึ่งในทีมสืบสวน และเป็นคนนั่งหัวโต๊ะควบคุมการคลี่คลายคดีด้วยตัวเองคงหนีไม่พ้น พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดนนทบุรี (ผบก.ภ.จว.นนทบุรี) ดีกรีอดีตนักสืบเมืองหลวง มาตรการที่เขาออกมาก่อนหน้านี้กลายเป็นตาข่ายที่ทำให้วายร้ายมือปล้นร้านมินิมาร์ทจนมุมในเวลาอันสั้น นั่นคือการจัดทำประวัติบรรดาเด็กแว้น และขึ้นบัญชีชายวัยรุ่นที่ออกมาเตร็ดเตร่ในยามวิกาล วิธีการนี้นอกจากจะเป็นการเก็บรวบรวมประวัติผู้ต้องสงสัยที่อาจจะเกี่ยวข้องกับปัญหาอาชญากรรมแล้ว มันยังกลายเป็นพจนานุกรมย่อยๆ ที่รวบรวมรายชื่อ ภาพถ่าย และรอยนิ้วมือ ให้กับตำรวจใช้เป็นแนวทางในการติดตามหาตัวคนร้ายในคดีต่างๆ ด้วย

เปิดกลยุทธ์แก้เผ็ด เด็ดแก๊งปล้นมินิมาร์ท

หลังจากเกิดเหตุปล้นร้านสะดวกซื้อเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้การฯ ธนายุตม์ ก็โดดเข้าควบคุมการสืบสวนในทันที และสิ่งที่เขาทำครั้งแรกนั่นคือ การตรวจดูกล้องวงจรปิด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเก็บภาพผู้ต้องหาเอาไว้ได้ และก็เป็นเช่นนั้น เพียงแต่ภาพวงจรปิดจับภาพได้เพียงแก๊งวัยรุ่นที่สวมหมวกกันน็อกบุกเข้าปล้นทรัพย์ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเท่านั้น การที่จะเดาว่าแก๊งคนร้ายเป็นใครก็ยากเกินกว่าจะไขคดีได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้เข้าเก็บรอยนิ้วมือในที่เกิดเหตุไว้ เพื่อเป็นทิศทางในการติดตามตัว ถัดมาอีกสัปดาห์เศษคนร้ายที่น่าเชื่อว่าเป็นแก๊งเดิมก็เข้าจู่โจมร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีกครั้ง ก่อนที่จะลอยนวลไปเหมือนเดิมกับครั้งแรก และด้วยความย่ามใจ ถัดมาอีกเพียงวันเดียวคนร้ายแก๊งเดียวกันก็เข้าจู่โจมร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีกครั้ง และครั้งนี้เองที่พวกมันพลาด เพราะไม่สวมหมวกกันน็อกแถมยังดอดเข้าจู่โจมร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีกสาขาที่ย่านเตาปูน

หลังเกิดเหตุไม่นานภาพจากกล้องวงจรปิดของร้านเซเว่นอีเลฟเว่นก็ถูกนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อหน้าผู้การฯ ธนายุตม์ และชุดสืบสวน ซึ่งภาพที่ปรากฏนั้นส่องให้เห็นใบหน้าของหนึ่งในแก๊งคนร้ายอย่างชัดเจน และนี่นับเป็นช็อตแรกที่ทีมสืบสวนนำแฟ้มที่คล้ายเป็นพจนานุกรมของคนร้าย ที่ทำไว้จากการนำเอาบรรดาแก๊งมอเตอร์ซิ่งมาถ่ายรูปทำประวัติไว้ก่อนหน้านี้มาเปิดเปรียบเทียบ และแล้วก็พบว่าภาพจากกล้องวงจรปิดคนหนึ่งมีใบหน้าคล้ายกับวัยรุ่นคนหนึ่งที่ถูกทำประวัติไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นรอยนิ้วมือของคนร้ายจึงถูกนำไปตรวจเปรียบเทียบทางนิติวิทยาศาสตร์ทันที ขณะที่พยานในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเองก็ชี้รูปยืนยันว่า คนร้ายเป็นคนเดียวกับชายในภาพที่ถูกทำประวัติไว้ เมื่อเป็นเช่นนั้นศาลก็ออกหมายจับคนร้ายรายแรกไว้ได้ทันที ก่อนที่จะจับกุมคนร้ายได้ทั้งแก๊งในวันที่ 12 ก.ค. รวมทั้งสิ้น 6 คน เป็นวัยรุ่นอายุระหว่าง 18-20 ปี ทั้งหมดให้การรับสารภาพ

อย่างไรก็ตาม วัยรุ่นทั้งหมดรับสารภาพว่าก่อเหตุทั้งหมด 4 คดีเท่านั้น ทั้งๆ ที่ในช่วงเวลาที่เกิดเหตุมีคดีเกิดขึ้นมากกว่านั้นคือ ยังเหลืออีก 4 คดี ที่ยังไม่มีผู้ต้องหาและมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนร้ายคนละกลุ่ม เพราะคดีที่เหลือคนร้ายไม่ได้ลงมือกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่นตามพฤติกรรมของคนร้ายวัยรุ่น แต่กลับก่อเหตุที่ร้านซีพี เฟรชมาร์ท และ 108 ช็อป ที่สำคัญจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายรายนี้ลงมือเพียงคนเดียวต่างกับคนร้ายวัยรุ่นกลุ่มแรกอย่างสิ้นเชิง ที่สำคัญหลังจากจับคนร้ายกลุ่มแรกไปแล้ว ยังมีคดีเกิดขึ้นอีก 3 คดีติด วันที่ 18 ก.ค. โดยคนร้ายได้จู่โจมเข้าปล้นทรัพย์ที่ร้านสะดวกซื้อรวม 3 แห่ง เหตุเกิดกลางวันแสกๆ ตั้งแต่ช่วงเวลา 13.00 น. จนถึง 14.30 น. ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่โรงพักบางศรีเมือง

ทั้งนี้ จากการนำภาพวงจรปิดของเหตุที่เกิดทั้งหมดมาเปิดดูแล้ว พบว่าทั้ง 7 คดีที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากฝีมือคนร้ายคนเดียวกันที่ลงมือคนเดียวและก็เหมือนเดิมกับคดีแรก เมื่อนำภาพมาฉายเรียงกันดูแล้วพบว่า มีอยู่ฉากหนึ่งของการปล้นทรัพย์ที่คนร้ายไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพในบันทึกที่ขึ้นบัญชีกลุ่มเสี่ยงไว้ ก็พบว่าน่าจะเป็นชายคนเดียวกับที่ตำรวจสายตรวจเคยขอทำบันทึกผู้ต้องสงสัยไว้ คดีนี้จึงเข้าอีหรอบเดิมคือ เมื่อพยานชี้ตัวยืนยันประกอบกับการเปรียบเทียบรอยนิ้วมือทางนิติวิทยาศาสตร์ก็พบว่า คนร้ายรายนี้คือ นายบูรพา โชพลกรัง วัย 27 ปี ซึ่งตำรวจก็ตามไปลากคอมาได้เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับคำรับสารภาพ

พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า คดีนี้ถือเป็นความสำเร็จของการทำงานเชิงรุกที่ตนได้สั่งการให้ตำรวจทั้ง 10 โรงพัก ให้ขึ้นบัญชีวัยรุ่นกลุ่มเสี่ยงที่ออกมาใช้รถใช้ถนน หรือจับกลุ่มกันอย่างผิดสังเกต หลังเวลาเที่ยงคืนของทุกวัน โดยตำรวจท้องที่จะต้องออกตรวจตามเส้นทางรวมทั้งตั้งด่านตรวจด้วย เมื่อพบกลุ่มวัยรุ่นที่น่าสงสัยก็ให้ตรวจค้น หากไม่พบการกระทำความผิดก็ให้ถ่ายรูปทำประวัติ พร้อมกับเก็บรอยนิ้วมือไว้เป็นหลักฐาน เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาจะได้นำประวัติเหล่านี้มาตรวจสอบ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีการที่ดีและมีทิศทางที่จะจับกุมคนร้ายได้

ผู้การฯ ธนายุตม์ ยังบอกถึงความลับที่จะจัดการกับแก๊งปล้นทรัพย์อย่างทันท่วงที ด้วยการนำตำรวจไปสวมชุดพนักงานร้านสะดวกซื้อ และเข้าไปปะปนทำงานกับพนักงานตัวจริงด้วย เพื่อที่จะแก้เผ็ดแก๊งคนร้ายที่เข้ามาก่อกวนในพื้นที่ จ.นนทบุรี ด้วย ซึ่งวิธีการนี้เชื่อว่าอีกไม่นานบรรดาพวกที่เลือกเส้นทางเปลี่ยวเข้ามาก่อเหตุจะสูญพันธุ์ไปจาก จ.นนทบุรี