จี้รัฐไม่เอาน้ำเมา-บุหรี่ เข้าเจรจา FTA
เครือข่ายภาคประชาชน เรียกร้องรัฐไม่เอาน้ำเมา-บุหรี่ เข้าเจรจา FTA ไทย-อียู เหตุเป็นสินค้าอันตราย
เครือข่ายภาคประชาชน เรียกร้องรัฐไม่เอาน้ำเมา-บุหรี่ เข้าเจรจา FTA ไทย-อียู เหตุเป็นสินค้าอันตราย
เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์(ครปอ.) จัดเวทีอภิปราย “ผลกระทบและทางออก: FTA THAI-EU กรณีเหล้า บุหรี่” โดยมีภาคีเครือข่ายงดเหล้าทั่วประเทศ เครือข่ายเฝ้าระวังแอลกอฮอล์กรุงเทพฯ เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ศูนย์วิจัยปัญหาสุรา(ศวส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เข้าร่วม
โดยได้แถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อเรียกร้องไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1.ขอให้รัฐบาลยึดมติคณะรัฐมนตรีที่รับรองมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ว่าด้วยเรื่องการถอนรายการสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ออกจากการเจรจาการค้าเสรี
2.การทำสัญญาการค้าที่ผ่านมาของรัฐบาล ถือว่ากระทำไปด้วยข้อมูลผลกระทบที่ไม่ชัดเจน แต่ในเวลานี้ มีหลักฐานความสูญที่เกิดจากบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นรูปธรรมแล้ว จึงควรพิจารณาแก้ไขไม่นำเอาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เข้าเจรจาอีก
3. ทางเครือข่าย ฯจะเดินหน้าให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วประเทศ และจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มอุตสาหกรรมสุราข้ามชาติ รวมทั้ง จะขอมีส่วนร่วมในการจัดรับฟังความคิดเห็นกรอบการเจรจาการค้า ที่ให้สิทธิประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
4. ขอเรียกร้องให้ประชาชน รัฐบาล และองค์กรเอ็นจีโอของสหภาพยุโรป ที่ตระหนักในปัญหาผลกระทบดังกล่าว ร่วมกันหยุดยั้งและต่อต้านกลุ่มบริษัทผู้ผลิตเหล้าและบุหรี่ ที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากการเจรจาครั้งนี้ ทั้งนี้ เครือข่ายฯ ไม่ได้มีเจตนาต่อต้านการเจรจาการค้าเสรี แต่ต้องการต่อต้านสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและขัดต่อศีลธรรม ที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์กับประเทศสมาชิกในอาเซียน
นพ.ทักษพล ธรรมรังสี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นว่าการเจรจาการค้าจะมีมิติด้านเดียวคือด้านตัวเงินกับตัวเงินเท่านั้น ไม่ได้มองด้านสุขภาพและสังคม
ด้าน นายจักรชัย โฉมทองดี ผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อชท์) กล่าวว่า ที่เราต้องออกมาผลักดันเรื่องนี้เพราะรัฐบาลยังมองไม่เห็นปัญหาผลดีผลเสียที่จะตามมาจากการเจรจาการค้าเสรี ส่วนเรื่องที่มีการอ้างว่าหากไม่เจรจาการค้าเสรี จะทำให้เกิดการตัดสิทธิสินค้าอื่นๆนั้น ตนมองว่า รัฐบาลสามารถใช้วิธีอื่นได้เช่น การทำวิจัยเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ การจัดการระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยที่ไม่ต้องไปแลกกับปัญหาที่ตามมา