posttoday

ตร.เชียงรายจับ2หนุ่ม-สาวขนยาบ้า5หมื่นเม็ด

15 กรกฎาคม 2555

เชียงรายรวบ 2 หนุ่ม-สาวขับรถขนยาบ้า 5.2 หมื่นเม็ด ขณะที่ชายที่มากับรถอีกคนใช้ปืนยิงสู้ก่อนหลบหนีไปได้

เชียงรายรวบ 2 หนุ่ม-สาวขับรถขนยาบ้า 5.2 หมื่นเม็ด ขณะที่ชายที่มากับรถอีกคนใช้ปืนยิงสู้ก่อนหลบหนีไปได้

ตร.เชียงรายจับ2หนุ่ม-สาวขนยาบ้า5หมื่นเม็ด

เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภาค 5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์  ผบก.ภ.จว.เชียงราย ได้ร่วมแถลงการจับกุม น.ส.ทัดทรวง ทรายทองธาร อายุ 29 ปี และนายชัยพร ทรายทองธาร อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 ปี พร้อมของกลางยาบ้าชนิดเม็ดสีส้มจำนวน 52,000 เม็ด รถยนต์กระบะ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ขนาด 7.65 มม.จำนวน 1 กระบอกพร้อมซองและกระสุนปืนจำนวน 3 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาดเดียวกันจำนวน 3 ปลอก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์  กล่าวว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับรายงานมาว่าจะมีขบวนการค้ายาเสพติดจากจังหวัดลำปางจะทำการลักลอบซื้อขายยาเสพติดกันในพื้นที่ อ.พาน จ.เชียงราย จึงวางกำลังตามรายทางที่คาดว่ากลุ่มค้ายาเสพติดจะผ่านเข้ามา

ต่อมาพบรถยนต์ของกลางทั้งสองคันขับเข้ามาในพื้นที่เจ้าหน้าที่จึงสะกดรอยตามมาจนทันกันที่บนถนนพหลโยธิน ระหว่างหลักกิโลที่ 880-881 บ้านเด่นฝ้าย หมู่ 4 ต.ทานตะวัน องพาน จึงแสดงตัวตรวจค้นรถคันแรกพบยาบ้าของกลางจำนวน 42,000 เม็ดจึงตรวจยึดเอาไว้พร้อมจับกุมตัว น.ส.ทัดทรวง คนขับเอาไว้

ส่วนเจ้าหน้าที่อีกชุดไล่ติดตามรถอีกคันที่พยายามหลบหนีแต่ไม่รอด อย่างไรก็ตามขณะเข้าจับกุมนั้นไมีชายไม่ทราบชื่อนั่งอยู่ด้านข้างคนขับได้เปิดประตูรถออกมาพร้อมกับใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงใส่จำนวน 3 นัด เพื่อเปิดทางหนี ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ยิงตอบโต้ โดยชายคนดังกล่าวได้ทิ้งอาวุธปืนและวิ่งหลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายชัยพร ซึ่งอยู่ภายในรถพร้อมของกลางยาบ้า 10,000 เม็ดอยู่ในกระเป๋าผ้าสีดำวางอยู่บนเบาะด้านหลัง รวมยาบ้าทั้งสิ้น 52,000 เม็ด

อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฎิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาบ้าที่จับกุมได้ และแจ้งว่ายาบ้าจำนวนดังกล่าวเป็นของชายที่หลบหนีไปแต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยผิดกฎหมายก่อนจะควบคุมตัวไปสอบสวนเพื่อขยายผลติดตามจับกุมผู้ร่วมแก๊งที่ยังหลบหนีนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป