posttoday

สำรวจพบขึ้นค่าแรงกระทบนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า80%

04 กรกฎาคม 2555

บอร์ดค่าจ้าง ปูดผลสำรวจขึ้นค่าแรง 300 กระทบทั้งนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า 80% ครวญคุณภาพชีวิตย่ำแย่ บี้รัฐเร่งหามาตรการเยียวยา

บอร์ดค่าจ้าง ปูดผลสำรวจขึ้นค่าแรง 300 กระทบทั้งนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า 80% ครวญคุณภาพชีวิตย่ำแย่ บี้รัฐเร่งหามาตรการเยียวยา

สำรวจพบขึ้นค่าแรงกระทบนายจ้าง-ลูกจ้างกว่า80%

น.ส.ส่งศรี บุญบา รองปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้างกลาง (บอร์ดค่าจ้าง) ได้สรุปสำรวจผลกระทบจากการขึ้นค่าแรง 300 บาท จากสถานประกอบการประเภทเอสเอ็มอีจำนวน 1,707 แห่งทั่วประเทศ เมื่อเดือน มิ.ย. พบว่า ได้รับผลกระทบสูงถึง 82.48% โดยประสบปัญหาต้นทุนสูงขึ้น รายได้ลดลง ขายสินค้าได้น้อยลง และไม่สามารถขยายกิจการได้ ขณะที่ผู้ประกอบการที่ไม่ได้รับผลกระทบมีเพียง 17.52% ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่มีตัวเลขใกล้เคียงกัน

"ที่ประชุมบอร์ดค่าจ้างเห็นตรงกันว่าการขึ้นค่าจ้างมีผลกระทบจริง โดยกรรมการฝ่ายลูกจ้างยอมรับว่า คุณภาพชีวิตไม่ได้ดีขึ้นและยังแย่ลงกว่าเดิม ขณะที่ฝ่ายนายจ้างบอกว่า มาตรการรองรับของรัฐไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเลย" น.ส.ส่งศรี กล่าว

น.ส.ส่งศรี กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่าผู้ประกอบการมีวิธีการลดผลกระทบ เช่น ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น 73.93% งดรับลูกจ้างเพิ่ม 39.06% เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ลดชั่วโมงทำงานล่วงเวลา เพิ่มราคาจำหน่ายสินค้า และเลิกจ้างลูกจ้างบางส่วน 14.91%

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังต้องการความช่วยเหลือจากรัฐบาล เช่น ลดเงินสมทบประกันสังคม ลดภาษี เพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน สนับสนุนแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ และชะลอการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2556

"ผลสำรวจดังกล่าวอาจกระทบต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศในวันที่ 1 ม.ค.2556 หากรัฐยังยืนยันตามนโยบายเดิมก็ต้องเร่งหามาตรการรองรับเพิ่มเติม หรืออาจต้องพิจารณาว่าจะปรับขึ้นค่าแรงแบบขั้นบันได้หรือไม่ ไม่เช่นนั้นนายจ้างก็อยู่ไม่ไหวและอาจทำให้ลูกจ้างถูกเลิกจ้าง" น.ส.ส่งศรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม น.ส.ส่งศรี กล่าวว่า หลังจากนี้สำนักงานคณะกรรมการค่าจ้างจะจัดทำโครงการสำรวจผลกระทบจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในสถานประกอบการกว่า 7 หมื่นแห่งทั่วประเทศ โดยว่าจ้างสถาบันการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น คาดว่าจะสรุปผลสำรวจได้ภายใน 3 เดือน หรือประมาณปลายเดือน ต.ค.นี้

ขณะเดียวกัน บอร์ดค่าจ้างจะมีการจัดประชุมสัมมนาผู้ที่เกี่ยวข้องในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ จากนั้นจะนำข้อมูลทั้งหมดจากการสัมมนาและผลการสำรวจมาวิเคราะห์ เพื่อเสนอไปยังรัฐบาลให้พิจารณาต่อไป

"กรรมการทุกฝ่ายได้เสนอความเห็นตรงกันว่า อยากให้บอร์ดค่าจ้างปลอดจากการแทรกแซงทางการเมืองโดยเด็ดขาด และต้องการให้มีอิสระอย่างแท้จริง" น.ส.ส่งศรี กล่าว

ด้านนายปัณณพงศ์ อิทธิอรรถนนท์ กรรมการค่าจ้างฝ่ายนายจ้าง กล่าวว่า ผลจากการขึ้นค่าจ้าง 300 บาท ทำให้เอสเอ็มอีจำนวนหนึ่งไม่สามารถปรับตัวได้ ดังนั้นจึงเสนอให้มีการศึกษาวิจัยเร่งด่วนภายในปี 2556 ในการใช้แนวทางค่าจ้างแบบลอยตัว

"ถ้ามีการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทในจังหวัดเล็กๆ ยิ่งส่งผลกระทบเป็นทวีคูณ ฉะนั้นควรศึกษาแนวทางค่าจ้างแบบลอยตัว โดยขึ้นอยู่กับฝีมือแรงงานและขนาดเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามกลไกตลาด และที่สำคัญการเมืองต้องหยุดแทรรกแซงบอร์ดค่าจ้าง" นายปัณณพงศ์ กล่าว