“ชูวิทย์”บุกบช.น.มอบหลักฐานฟันบ่อนเจ๊เพี้ยว

ชูวิทย์ บุกบช.น.มอบหลักฐานตำรวจฟันบ่อนเพชรบุรี สาบานหากไม่มีบ่อน ขอให้ครอบครัววิบัติ ก่อนไป สตช. ร้องผบ.ตร. ตรวจสอบจ่อฟ้องผบก. น.1 ละเว้นหน้าที่ต่อ ปปช. 5กค.

เมื่อเวลา 10.15 น.ที่ผ่านมา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)  ก่อนเข้ามาคุกเข่าไหว้ อนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากฤษฎาภินิหาร กรมพระนเรศวรฤทธิ์  ผู้ก่อตั้งกระทรวงนครบาล   พร้อมกล่าวหลังจากวันที่ 2 กรกฎาคม นำสื่อมวลชนไปตรวจสอบพนันเจ๊เพี้ยว ในถนนเพชรบุรี ซอย 5 ว่า 

“ขอพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสาบานว่าหากตำรวจที่รับเงินบ่อน และระบุว่าไม่มีบ่อนขอให้ครอบครัววิบัติ รับราชการไม่รุ่ง แต่หากไม่มีบ่อนจริงๆก็ขอให้ครอบครัวผมวิบัติ ที่วันนั้นไปและมีการสั่ง ผบก.น.1(พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์) มา ก็ เห็นพฤติกรรมต่อหน้าว่ามีบ่อน แต่เมื่อไปถึงกลับชวนผมให้กลับ เป็นผบก.น.1 ต้องไม่กลัว  สั่งพิซซ่ายังเร็วกว่าตำรวจมาอีก  คนคุมตำรวจก็มีนิสัยชอบเล่นการพนัน ฝากไปถึงคนที่บอกว่าเป็นบ่อนกระจอก เพราะจะคล้ายกับที่เคยบอกว่าโจรใต้กระจอก ควรจะรีบปราบปราม ตอนนี้ทราบว่ากำลังขนอุปกรณ์การเล่นออกทางเพชรบุรีซอย 7 ไปตรวจล่าช้าก็คงไม่เจออีก”นายชูวิทย์กล่าว

จากนั้นนายชูวิทย์ เข้าพบ พ.ต.อ.ปรีดา สถาวร โฆษก บช.น. พร้อมกล่าวต่อว่า วันนี้เอารูปภาพ วีซีดี มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีบ่อนการพนันขนาดใหญ่ บริเวณถนนเพชรบุรี ซอย 5 ซอยกิ่งเพชร  ซึ่งก็ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผมได้โทรศัพท์ไปยัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ซึ่งสั่งการให้ พล.ต.ต.พชร มาพบ  แต่มิได้นำกำลังเข้าตรวจสอบบ่อนการพนันตามที่ประชาชนร้องเรียน และบอกว่าไม่พบบ่อนการพนันในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งต่อมาจึงส่งสายลับไปบันทึกภาพการเล่นในบ่อนการพนันดังกล่าวด้วย เพื่อเป็นการป้องกันและดำเนินคดีอาญากับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้บอกว่าหากมีหลักฐานมาแสดงก็จะดำเนินการต่อ

ต่อมานายชูวิทย์ นำหลักฐานให้ พ.ต.อ.ปรีดา รับไว้ พร้อมกล่าวขอให้เซ็นชื่อรับด้วย เพราะหากไม่มีการตรวจสอบจะมีความผิดตามมาตรา 157 โดยขอให้รีบไปตรวจสอบ เพราะมีการขนย้ายอุปกรณ์อยู่  หากไปช้าจะไม่พบ  โดย พ.ต.อ.ปรีดากล่าวว่า “ ผบช.น. ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ตนมารับหลักฐานแทน หลังจากนี้ก็จะให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบ ก่อนดำเนินการต่อไป”

นายชูวิทย์กล่าวอีกว่า  มา บช.น.เหมือนมาบ้านเก่า 10 ปีก่อนตนมาที่นี่บ่อยครั้ง ต้องขอโทษ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ด้วย เพราะท่านได้รับโปรดเกล้าเป็น ผบช.น. ไม่กี่วันก็เกิดเรื่อง จึงมายื่นหลักฐานและทราบดีว่าคงไม่มีใครอยู่ จึงไปยื่นกับอนุสาวรีย์ หลังจากนี้จะไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไปร้องเรียนกับตำรวจที่อุ้มเด็กอยู่ เพราะตนไม่เห็นว่าตำรวจท่านใดจะให้ความเป็นธรรมกับเรื่องนี้ได้  ซึ่งตนได้สาบาน เอ่ยว่าจาแล้วว่าหากไม่มีบ่อนที่นี่จริงก็ขอให้ตนวิบัติ

“บ่อนการพนันเป็นคอรัปชั่นที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า ขอให้ปราบปรามจริงจัง ผู้ควบคุมดูแลหากชอบเล่นก็ให้ปูโต๊ะ ปูผ้าเล่นที่บ้าน อย่าไปสนับสนุน แต่ที่เล่นที่บ่อนมีเล่นเป็น 500 คน 1,000 คน ไม่ใช่ขำๆ เมื่อกฎหมายเมืองไทยห้ามก็ต้องทำตามหน้าที่  วันนี้ถือว่าผมมาทำหน้าที่ของผมแล้ว อีกอย่างที่อยากบอกคือ ผมไมได้เป็นศัตรูกับบ่อนการพนัน แต่เป็นศัตรูกับตำรวจที่รับเงินบ่อน ที่ไม่ถูกต้อง ที่คอรัปชั่น” นายชูวิทย์กล่าว

ถามว่าหลักฐานที่จะแฉเรื่องวงการศึกษา นายชูวิทย์กล่าวว่า เดี๋ยวจะหาว่าชูวิทย์รู้แค่เรื่องบ่อนการพนัน  วันที่ 8 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.30 น. จะพูดเรื่องการศึกษา เรื่องการนำลานจอดรถมาทำเป็นโรงเรียน ถามว่านอกจากบ่อนนี้มีที่อื่นหรือไม่  นายชูวิทย์กล่าวว่า มีก็เคยไปแล้ว หรือบ่อนพระราม 3 ตี๋พจน์เดินตามใครอยู่ ชอบเล่นก็ให้เล่นที่บ้าน ถามว่ามาแฉแบบนี้ไม่กลัวเจ้าของบ่อนลงขันทำร้ายหรือ นายชูวิทย์กล่าวว่า  “ชีวิตผมไม่เคยนึกเลยว่ากลัวอะไร ชีวิตผมกลัวอยู่คนเดียวคือแม่ แต่แม่ผมตายไปแล้ว”

จากนั้นนายชูวิทย์ ได้เดินทางต่อไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย เลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนรับหนังสือ

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้นายชูวิทย์ จะเดินทางไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อมอบหลักฐานดังกล่าวให้แก่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดย นายชูวิทย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในครั้งนี้ เพราะหลังจากที่ พลตำรวจตรีพชร บุญญสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้รับคำสั่งของพลตำรวจโทคำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ให้เข้าตรวจสอบบ่อนการพนัน บริเวณถนนเพชรบุรี ซอย 5 ซึ่งเมื่อไปถึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กลับละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ และไม่ได้นำกำลังเข้าไปถึงจุดลักลอบเล่นการพนันตามที่ประชาชนได้ร้องเรียนมาจึงนำหลักฐานคลิปวีดีโอที่แอบถ่ายไว้มามอบให้พร้อมก้บร้องเรียนมาเพื่อให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เข้าไปตรวจสอบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายทั้งทางอาญาและทาง วินัย