posttoday

ดีเดย์17กค.ทบ.ฝึก150นักเรียนอาชีวะ

03 กรกฎาคม 2555

ทบ.ดีเดย์ 17 ก.ค.ส่ง 150 อาชีวะเข้าค่ายรบพิเศษลพบุรี กร้อนหัวเกรียน ห้ามกลับบ้าน ญาติห้ามเยี่ยม 1 เดือนแรก ผวาหนีฝึก สั่งสถาบันช่วยไล่จับกลับ

ทบ.ดีเดย์ 17 ก.ค.ส่ง 150 อาชีวะเข้าค่ายรบพิเศษลพบุรี กร้อนหัวเกรียน ห้ามกลับบ้าน ญาติห้ามเยี่ยม 1 เดือนแรก ผวาหนีฝึก สั่งสถาบันช่วยไล่จับกลับ

เมื่อเวลา 11.00น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงความคืบหน้าการนำนักเรียนอาชีวะมาฝึกอบรมในค่ายทหารตามโครงการ “สุภาพบุรุษอาชีวะ” ว่า เราจะใช้ค่ายฝึกศูนย์สงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ จ.ลพบุรี เพียงค่ายเดียว โดยมีนักเรียนอาชีวะเข้าฝึกจำนวน 150 คน ซึ่ง 100 คนมาจากโรงเรียนอาชีวะภาคเอกชน 17 สถาบัน อีก 50คนมาจากอาชีวะภาครัฐบาล 16 สถาบัน โดยใช้ระยะเวลาในการฝึกทั้งสิ้น 10 สัปดาห์ ซึ่งจะเริ่มฝึกตั้งแต่ 17 ก.ค.สิ้นสุดในสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย. ผู้เข้าร่วมการอบรมคัดจากนักเรียนอาชีวะที่ศึกษาในชั้นปีที่ 2 เป็นหลักแต่ถึงวันที่คัดเลือกอาจจะมีนักศึกษาชั้นปีอื่นร่วมด้วย โดยใช้อัตราส่วนครูที่ดูแลนักเรียน 1 ต่อ 5 คน และจะประเมินการทำงานทุกวัน

“ในวันที่ 17 ก.ค.นี้จะเป็นการเปิดปฐมนิเทศ ซึ่งมีผู้ปกครองเข้าร่วมด้วยเพื่อให้ทราบถึงขั้นตอน และวิธีการฝึกอย่างละเอียด โดยตลอด 10 สัปดาห์ทั้งหมดจะอยู่ที่ค่ายฝึก ซึ่งกองทัพบกไม่อนุญาตให้นักเรียนกลับบ้านได้ แต่ให้ผู้ปกครองเข้าเยี่ยมได้หลังการฝึกผ่านไปแล้ว 4 สัปดาห์ สิ่งที่อยากทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง คือ กองทัพบก ให้ความสนใจที่จะมอบสิ่งที่เป็นประโยชน์ รวมถึงเล็งเห็นศักยภาพของกลุ่มเด็กเหล่านี้ที่จะทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งไม่ได้เป็นการเพ่งเล็ง จับผิด แต่อย่างใด และจะดูว่า จะนำเด็กเหล่านี้ไปทำอะไร โดยในวันแรกจะมีการตัดผมเกรียน ทรงทหาร ทั้งนี้ กองทัพบกก็ยอมรับว่าในวันจริงอาจจะมีนักเรียนที่คัดไว้ มารายงานตัวไม่ครบ เพราะไม่ได้สมัครใจมาทั้งหมด ส่วนใหญ่ถูกบังคับมา ทำให้มีโอกาสที่จะหนี แต่เราจะดูแลอย่างดี มีทหารเฝ้าเวรยาม แต่หากมีทางสถาบันต้องติดตามตัวกลับมา


พ.ท.วันชนะ กล่าวว่า ในช่วงการฝึก 4 สัปดาห์แรก จะเป็นช่วงของการละลายพฤติกรรม แต่ใน6 สัปดาห์ที่เหลือจะเป็นการฝึกทางวิชาการ รวมทั้งมีการไปดูงานด้วย ซึ่งสาเหตุที่เลือก จ.ลพบุรี เพราะใกล้กับ จ.อยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี สระบุรี มีโรงงานอุตสาหกรรมมาก กองทัพบกจะพาไปดูงานในสถานที่เหล่านั้น รวมถึงทัศนศึกษาในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และ โครงการอันเนื่องพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เศรษฐกิจพอเพียง ทั้งในค่ายทหาร รวมทั้งสถานที่ต่างๆ ที่มีความสำคัญ ทั้งนี้ สถานศึกษากำลังพิจารณาร่วมกับกองทัพบก ในการดูเวลาของการศึกษาทางวิชาการ เพื่อดูว่าชั่วโมงเรียนจะพอหรือเทียบกับการได้วิทยฐานะทางการศึกษาหรือไม่ ถ้าไม่พอทางสถาบันก็ต้องจัดหลักสูตรเร่งรัดให้นักเรียนที่มาร่วมโครงการได้ศึกษาจนครบ

“ที่กังวลกันว่าจะนำเด็กเหล่านี้ไปฝึกหนักเหมือนกับทหารหรือไม่นั้น ผมขออธิบายว่าเราฝึกทหารใหม่เพื่อให้เขามีความรู้ความสามารถ มีกำลังกาย กำลังใจ ใช้การปฏิบัติภารกิจทางทหาร แต่เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กที่กำลังศึกษาเทียบเท่ามัธยมปลายอายุระหว่าง 15-17 ปี วัตถุประสงค์ในการฝึกคือเราต้องการให้เขาคุณค่าในตัวเอง นำความรู้ความสามารถไปใช้ประโยชน์ในวิชาชีพของเขา เพราะฉะนั้น การฝึกจึงไม่เหมือนกับการฝึกทหารใหม่ และที่คนอาจมองว่าเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าเป็นเด็กที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงทั้งหมด ซึ่งกองทัพบกไม่สนใจว่าเขาจะอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงหรือไม่ หรือต้องเป็นผ้าขาวมาเลย แต่เราสนใจว่าจะให้ศักยภาพ แนวทางการดำรงชีวิต และ ทัศนคติที่ดีกับเขา สิ่งที่จะได้คือภูมิคุ้มกันในการดำรงชีวิตในอนาคต แต่เราไม่อยากให้สังคมคาดหวังว่าผู้ที่อบรมแล้วจะดี หรือเจ๋งหมด เพราะเป็นไปไม่ได้ ” พ.ท.วันชนะกล่าว


รองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ยังได้กำชับเรื่องความปลอดภัยว่าต้องมีการตรวจร่างกายก่อนเข้ารับการฝึก เพราะแต่ละคนอาจมีโรคประจำตัว เป็นห่วงว่าอาจจะอันตรายได้ อีกทั้งการฝึกครั้งนี้ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ไม่เหมือนการฝึกทหารเกณฑ์ ดังนั้นขอให้ผู้ปกครองคิดว่า เหมือนกับให้ลูกของท่านมาเข้าค่ายลูกเสือ เพื่อฝึกกิจกรรมร่วมกัน