posttoday

ลูกสมยศยื่นอุทธรณ์ประกันตัวพ่อหมิ่นเบื้องสูง

16 กุมภาพันธ์ 2555

ลูกชายสมยศยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวพ่อในคดีหมิ่นเบื้องสูง หลังครบกำหนดอดอาหารประท้วงหน้าศาลอาญา

ลูกชายสมยศยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัวพ่อในคดีหมิ่นเบื้องสูง หลังครบกำหนดอดอาหารประท้วงหน้าศาลอาญา

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  เมื่อเวลา 08.00 น.นายปณิธาณ หรือน้องไท พฤกษาเกษมสุข บุตรชายของนายสมยศ แกนนำ 24 มิถุนา และอดีตบรรณาธิการวอยซ์ ออฟ ทักษิณ จำเลยในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พร้อมด้วยนายคารม พลพรกลาง ทนายความ ได้ยื่นคำร้องอุทธรณ์ขอปล่อยตัวชั่วคราวนายสมยศ ภายหลังจากนายปณิธาน เสร็จสิ้นภารกิจการนั่งอดอาหารค้างคืนที่บริเวณทางเท้าหน้าศาลอาญา ที่เริ่มตั้งแต่ 11 ก.พ. มาจน ครบ 112 ชั่วโมงแล้ว นายปณิธาน ได้รับประทานโจ๊กคัพ เป็นอาหารมื้อแรก

โดยคำร้องสรุปว่า คดีนี้จำเลยถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่ชั้นสอบสวนนานกว่า 10 เดือนแล้ว ซึ่งจำเลยเคยขอให้ศาลเปิดการไต่สวนและยื่นคำร้องขอปล่อยตัวถึง 6 ครั้งแต่ศาลยกคำร้อง ทั้งที่ความจริงปรากฏในสำนวนว่า จำเลยไม่คิดหลบหนี ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ คือ ด.ต.หญิง กนกรักษ์ ต้นโลห์ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อีกทั้งระหว่างสืบพยานจำเลยถูกควบคุมให้เดินทางไปสืบประเด็นที่ศาลในต่างจังหวัดหลายแห่ง ต้องเดินทางกว่า 3,000 กม. ท่ามกลางอากาศร้อน โดยจำเลยขอให้สืบพยานที่ศาลอาญา หรือขอสละสิทธิ์ตามประเด็น ก็ไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นจำเลยจึงไม่เห็นพ้องกับคำสั่งศาลชั้นต้น จึงขออุทธรณ์คัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้น ดังนี้

1.การที่จำเลยถูกจับขณะเดินทางไปประเทศกัมพูชานั้นไม่ใช่การเดินทางหลบหนีออกนอกราชอาณาจักรเพื่อหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งจำเลยมีพยานเอกสารและพยานบุคคล ที่ยืนยันได้ว่าไม่คิดจะหลบหนี ซึ่งจำเลยเป็นสื่อมวลชนและมีอาชีพทำธุรกิจท่องเที่ยวในย่านอาเซียนเป็นปกติอยู่แล้วที่จะต้องเข้าออกประเทศกัมพูชาเป็นประจำ ดังนั้นตำรวจที่ด่านจะรู้จักคุ้นเคยและจดจำจำเลยได้ดี

2. จำเลยไม่มีประวัติหนีคดีและไม่มีเหตุผลที่จะหลบหนีคดีนี้ เพราะจำเลยเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต่อสู้เพื่อสิทธิผู้ใช้แรงงาน และสิทธิมนุษยชน เคยทำงานในสมาคมสิทธิเสรีภาพฯ นานกว่า 10 ปี เป็นที่รู้จักกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี จำเลยกับพวกที่เป็นนักวิชาการซึ่งไม่ได้เป็นแกนนำ หรือมีความเกี่ยวข้องกับคนเสื้อแดงที่ชุมนุมในขณะนั้น ได้ร่วมกันแถลงข่าวคัดค้านและประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของประชาชน จึงเป็นที่มาของการถูกจับตัวด้วยข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ซึ่งมีนักวิชาการอื่นที่ออกมาเคลื่อนไหวแต่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ส่วนคดีนี้แม้มีโทษรุนแรง ตามมาตรา 112 แต่จำเลยเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และจำเลยก็เป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดีคนหนึ่ง และมีประวัติที่ดีในการปกป้องสถาบัน

3.คดีนี้เป็นการเมืองที่จำเลยมีโอกาสชนะคดีมาก เพราะมูลเหตุมาจากความไม่พอใจของรัฐบาลนายอภิสิทธิ ที่มีต่อตัวจำเลยโดยไม่มีมูลความจริง ซึ่งกล่าวหาว่ากระทำผิดในฐานะเป็นบรรณาธิการนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ มีการนำบทความไปเผยแพร่ ทั้งที่จำเลยไม่ใช่บรรณาธิการ เนื่องจากผู้เขียนใช้นามปากกาว่า “จิตร พลจันทร์” ที่ส่งมาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ส่วนจำเลยเป็นเพียงคนทำงานคนหนึ่งในนิตยสารเท่านั้น

4.ที่ยังมีการควบคุมตัวจำเลยโดยไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เป็นการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน มีการปฏิบัติต่อจำเลยขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและฝ่าฝืนอนุสัญญาทรมานของสหประชาชาติ และเป็นการละเมิดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 39 ประกอบระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการปล่อยตัวชั่วคราวที่ว่า เมื่อศาลได้รับคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว ให้รีบพิจารณาและมีคำสั่งโดยเร็ว โดยให้ถือเป็นหลักว่าผู้ต้องหา หรือจำเลยพึงได้รับลการปล่อยตัวชั่วคราว เว้นแต่มีเหตุจำเป็น ก็ให้ระบุเหตุผลไว้โดยครบถ้วนและชัดแจ้ง

5.นโยบายรัฐบาลปัจจุบัน ได้เสนอการปรองดองทุกภาคส่วน เพื่อให้สถานการณ์ความขัดแย้งได้คลี่คลายโดยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้นำเดินทางอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.49 อีกทั้ง ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลได้ร่วมกันใช้ตำแหน่งไปประกันตัวจำเลยมาตลอด

ดังนั้นจึงขอให้ศาลอุทธรณ์กลับคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้มีคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยในระหว่างการพิจารณา หรือให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งดำเนินการไต่สวนว่าจำเลยจะหลบหนีจริงหรือไม่

ภายหลังยื่นอุทธรณ์แล้ว นายคารม ทนายความ กล่าวว่า คดีนายสมยศ มีการยื่นประกันตัวต่อศาลชั้นต้นมาแล้ว 6 ครั้ง ในวันนี้มายื่นขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์เป็นครั้งแรก เชื่อว่าหากนายสมยศ ได้รับการประกันตัวจะไม่หลบหนี เพราะนายสมยศ เป็นนักสู้ คดีนี้มีโทษสูงสุดไม่เกิน 15 ปี แต่กลับไม่ได้รับการประกันตัว อย่างเช่นกรณีที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. ถูกดำเนินคดีฐานก่อการร้าย มีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิต แต่ยังได้รับการประกันตัว นายสมยศเป็นเพียงแค่ผู้ถูกกล่าวหา และเป็นแค่บรรณาธิการนิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ เนื้อหาไม่มีข้อความหมิ่นประมาณ หรือรุนแรงแต่อย่างใด หลังจากนี้จะรอผลคาดว่าคงไม่เกิน 3 วัน คงต้องรอผลการพิจารณาของศาล หากไม่ได้รับอนุญาตจะต้องพิจารณายื่นขอประกันอีกครั้ง

 

ลูกสมยศยื่นอุทธรณ์ประกันตัวพ่อหมิ่นเบื้องสูง ภาพประกอบข่าว