กฟผ.เร่งระบายน้ำ2เขื่อนใหญ่
กฟผ.เร่งระบาย2เขื่อนตั้งแต่ต้นปี 1.18 หมื่นล้านลบ.ม. พร่องน้ำในอ่างฯเพื่อรอรับน้ำฝนฤดูใหม่
กฟผ.เร่งระบาย2เขื่อนตั้งแต่ต้นปี 1.18 หมื่นล้านลบ.ม. พร่องน้ำในอ่างฯเพื่อรอรับน้ำฝนฤดูใหม่
นายกิตติ ตันเจริญ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.ได้เริ่มระบายน้ำออกจากเขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนภูมิพล ในช่วงฤดูแล้งเพื่อใช้ในการเพาะปลูกและเตรียมรอรับน้ำจากฤดูฝนปีนี้ โดยมีปริมาณการระบายน้ำรวม 11,865 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.)แยกเป็นจากเขื่อนภูมิพลปริมาณ 7,237 ล้าน ลบ.ม. และ เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณ 4,630 ล้าน ลบ.ม.
ในปี 2555 ปริมาณน้ำต้นทุนของเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ สิ้นสุดฤดูกักเก็บ ณ 31 ต.ค. 2554 รวมกันอยู่ที่ 16,239 ล้านลบ.ม. ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา 6,611 ล้าน ลบ.ม. ทางคณะทำงานวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ที่มีอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรเป็นประธานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจึงเริ่มวางแผนบริหารและจัดการน้ำในฤดูแล้งตั้งแต่เดือนพ.ย.2554 เป็นต้นมา
ทั้งนี้ได้นำข้อมูลปริมาณความต้องการใช้น้ำเบื้องต้นซึ่งได้รับจากกรมชลประทานและ กฟผ. ที่ร่วมกันตรวจสอบปริมาณน้ำที่สามารถนำไปใช้เพาะปลูกได้ในช่วงฤดูแล้งและและกิจกรรมการใช้น้ำ ไปพิจารณาความเหมาะสมในการระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ให้ตรงตามความต้องการในการเพาะปลูกช่วงฤดูแล้ง และกิจกรรมการใช้น้ำ เช่น การอุปโภค บริโภค รักษาสมดุลระบบนิเวศน์และผลักดันน้ำเค็มช่วงฤดูแล้ง
“แผนการระบายน้ำดังกล่าว นอกจากเป็นการวางแผนเพื่อประโยชน์สูงสุดในด้านการชลประทานแล้ว ยังส่งผลไปถึงการผลิตไฟฟ้าด้วย ขณะเดียวกันปริมาณการระบายน้ำที่กำหนดขึ้นในปีนี้ ได้พิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดภัยแล้งและการสำรองความจุในอ่างเพื่อรองรับปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนที่อาจมีมากในในช่วงฤดูฝนปีนี้เอาไว้เพื่อให้เกิดความปลอดภัย”นายกิตติ กล่าว
นอกจากนี้เมื่อสิ้นสุดการระบายน้ำในช่วงฤดูแล้งระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จะลดลงมาอยู่ในเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง ซึ่งใกล้เคียงกับระดับน้ำเฉลี่ยของช่วงเวลาดังกล่าว คือ เขื่อนภูมิพลจะเหลือปริมาตรน้ำในอ่างฯ 56% มีความจุสามารถรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้อีก 5,906 ล้านลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์จะเหลือปริมาตรน้ำในอ่างฯ 58%มีความจุสามารถรับน้ำในช่วงฤดูฝนได้อีก 4,007 ล้าน ลบ.ม.