posttoday

ตร.ซุ่มนับเงินปลัดคม.อ้างได้17.8ล้าน

23 พฤศจิกายน 2554

ตร.ซุ่มนับเงินของกลางที่ยึดได้จากแก๊งปล้นบ้านปลัดคมนาคมกลางดึก ระบุได้ 17.8 ล้านบาท อ้างผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยาน

ตร.ซุ่มนับเงินของกลางที่ยึดได้จากแก๊งปล้นบ้านปลัดคมนาคมกลางดึกระบุได้ 17.8 ล้านบาท อ้างผู้เสียหายไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยาน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สน.วังทองหลาง พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกคืนที่ผ่านมา (22 พ.ย.) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. วังทองหลางได้ทำการตรวจนับเงินของกลางที่สามารถ ตรวจยึดจาก ผู้ต้องหาร่วมกันปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมารวมถึงผู้ที่กลับใจเอาเงินมาคืน จากการตรวจนับเงินดังกล่าวนั้น ได้จำนวนเงินประมาณ 17,800,000 บาท โดยการตรวจนับเงินของกลางครั้งนี้ ผู้เสียหายซึ่งคือนายสุพจน์ ไม่จำเป็นต้องมาเป็นพยานในการตรวจนับด้วย

ทั้งนี้ ของกลางดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะทำการอายัดไว้เพื่อเป็นหลักฐาน โดยจะนำเงินของกลางไปเก็บไว้ที่ตู้เซฟของโรงพักเอง และในวันนี้จะไม่มีการตรวจนับเงินต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างที่ตั้งใจไว้แต่เดิม

“ส่วนเงินสดที่ยังคงเหลือในตู้เซฟภายในบ้านของนายสุพจน์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจขอเข้าไปตรวจค้น นอกจากนายสุพจน์จะอนุญาต อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการติดตามตัวผู้ต้องหาเพิ่มเติมนั้น เบื้องต้นยังไม่มีการประสานติดต่อขอมอบตัว ซึ่งเจ้าหน่าที่ก็กำลังเร่งตามล่าตัวอยู่” พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าว

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ. ธวัช วงศ์สง่า ผกก.สน.วังทองหลาง ได้เดินทางออกจากสน.วังทองหลางมุ่งหน้าไปกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทันทีเพื่อไปเข้าพบพล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น.ในการติดตามเร่งทำคีดดังกล่าว โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

ตร.ซุ่มนับเงินปลัดคม.อ้างได้17.8ล้าน

นครบาลตามเงินสุพจน์โดนปล้นได้เพิ่มอีก1ล้านบาท

พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า นายประพันธ์ เรืองเครือ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามอบตัว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจตามยึดเงินของกลางคืนได้เพิ่มอีก1ล้านบาท จากแฟนสาวของนายสิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น ผู้ต้องหาอีกคนในคดีนี้ รวมยอดเงินของกลางล่าสุด 17ล้านบาทเศษ

ส่วนเงินในตู้เซฟของนายสุพจน์ ผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ เพราะการสืบสวนสอบสวนจะมุ่งเน้นแต่ในส่วนคดีอาญา เรื่องการตรวจสอบที่มีของเงินว่าได้มาโดยชอบด้วยกฏหมายหรือไม่ ถือเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นผู้ดำเนินการ

อย่างไรก็ตามได้เตรียมเรียก นายสุพจน์ มาสอบสวนเพิ่มเติม หลังจากที่มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วเสร็จ ส่วนมารดาของนายชยธัช หรือเอก จันนะชัย หนึ่งในผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการปลัดกระทรวงคมนาคม เจ้าหน้าที่ได้เรียกตัวมาสอบสวนแล้วและจะกันเอาไว้เป็นพยานต่อไป