posttoday

สาวร้องสิบเวรโรงพักลวนลาม

27 กรกฎาคม 2554

นักศึกษาสาวร้องผู้กำกับสน.โคกครามอ้างสิบเวรโรงพักลวนลามหลังไปแจ้งความคดีถูกกระชากกระเป๋า

นักศึกษาสาวร้องผู้กำกับสน.โคกครามอ้างสิบเวรโรงพักลวนลามหลังไปแจ้งความคดีถูกกระชากกระเป๋า

น.ส.หนึ่งฤทัย หรือหนึ่ง เหมือนสอาด อายุ 25 ปี นักศึกษาชั้นปี3 คณะอุตสาหกรรมบริการ สาขาการจัดการครัวและภัตตาคาร วิทยาลัยดุสิตธานี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.โคกคราม เพื่อให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสิบเวรหน้าห้องคุมขังของสน.โคกคราม นายหนึ่งในข้อหากระทำอนาจาร และดูหมิ่นศักดิ์ศรี                 

น.ส.หนึ่งฤทัย กล่าวว่า สืบเนื่องจากเวลา21.00 น.วันที่ 24 ก.ค.ได้ถูกคนร้ายกระชากกระเป๋าถือระหว่างรอขึ้นรถแท็กซี่ ช่วงถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา จึงได้มาแจ้งความที่สน.โคกคราม แต่กลับโดนตำรวจสิบเวรนายหนึ่ง เอามือมาลูบที่หน้าอกไล่ลงมาถึงขา แล้วก็เอามือไปลูบเป้าตัวเอง แล้วชวนไปหลับนอนด้วยโดยจะให้เงินค่ารถกลับบ้าน ขณะนั้นเป็นเวลา 01.00 น.ของคืนวันที่ 25ก.ค.

"เข้าไปแจ้งความที่โรงพัก พบร้อยเวรแต่บอกให้รอเพราะจะออกไปดูอุบัติเหตุเลยหลับอยู่ที่บนโซฟา ตรงหน้าห้องสิบเวรควบคุมผู้ต้องหาเพราะข้างในมันหนาวเพราะใส่เพียงแค่เสื้อกล้าม และกระโปรงยาวบางๆ เท่านั้น ไม่นานก็มีตำรวจที่นั่งอยู่ในห้องสิบเวรนายหนึ่งจำชื่อไม่ได้ อายุประมาณ 60 ปี เดินออกมาถามว่าเป็นอะไร เลยเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ตำรวจคนนั้นเลยชวนให้เข้าไปนั่งในห้องสิบเวรด้วยกัน แล้วลวนลามหนู"น.ส.หนึ่งฤทัยกล่าว                

หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.สราวุธ พาผู้เสียหายไปชี้ภาพตำรวจที่ห้องปฏิบัติการสายตรวจ แต่น.ส.หนึ่งฤทัยจำไม่ได้ จึงต้องมีการนัดมาชี้ตัวตำรวจที่สน.ทุกนายอีกครั้งว่าเป็นใครกันแน่ พร้อมกับเปิดกล้องซีซีทีวีให้สื่อมวลชนดูตั้งแต่เวลาที่น.ส.หนึ่งฤทัยนั่งรถแท็กซี่เข้ามาที่สน.กระทั่งเดินทางออกไปจากสน.

พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า คำกล่าวอ้างของผู้เสียหายนั้นมีความขัดแย้งกันอยู่ ทั้งเรื่องของเวลา และเรื่องที่ตำรวจไม่รับแจ้งความ หหลังตรวจสอบทราบว่าตำรวจสิบเวรที่เข้าเวรวันนั้นคือ ด.ต.สุเทพ เปรมปรีดา จากการสอบถามด.ต.สุเทพก็ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำการอย่างที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง และขณะนั่งยังนั่งห่างกันอีกด้วย หลังจากนี้จะต้องเรียก ด.ต.สุเทพ มาสอบปากคำพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาสอบอีกชุดหนึ่ง เพื่อหาข้อเท็จจริง แต่หากพบว่ากระทำผิดจริงก็ต้องดำเนินการตามอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย.