EU เลื่อนบังคับใช้ กฎหมายทำลายป่าออกไปอีก 1 ปี ให้ธุรกิจทั่วโลกเตรียมพร้อม
สหภาพยุโรป มีมติอนุมัติเลื่อนบังคับใช้ กฎหมายทำลายป่า (EUDR) ออกไปก่อน 1 ปี แต่อุตสาหกรรมยางไทยยังต้องเร่งปรับตัวก่อนคู่แข่งตามทัน
สหภาพยุโรป มีมติอนุมัติเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทำลายป่าและการทำให้ป่าเสื่อมโทรม หรือ ‘EUDR’ (EU Deforestation Regulation) สำหรับธุรกิจทุกขนาด ออกไปอีก 1 ปี เพื่อให้ภาคธุรกิจทั่วโลกมีเวลาเตรียมความพร้อมมากขึ้น
การผ่อนผันดังกล่าวครอบคลุมธุรกิจทุกขนาด โดย
- ธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่ จากเดิมต้องปฏิบัติตามภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 เลื่อนไปเป็น 30 ธันวาคม 2569
- ธุรกิจขนาดเล็ก จากเดิมวันที่ 30 มิถุนายน 2569 เลื่อนไปเป็น 30 มิถุนายน 2570
อย่างไรก็ตาม แม้การเลื่อนดังกล่าวจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันในระยะสั้น แต่อุตสาหกรรมยาง และผลิตภัณฑ์ยาง ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของไทยต้องเร่งปรับตัวก่อนคู่แข่งตามทัน เนื่องจากยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางของไทยยังถือเป็นสินค้าหลักที่อยู่ภายใต้ EUDR โดยคิดเป็นกว่า 90% ของมูลค่าการส่งออกยางไทยทั้งหมด หรือประมาณ 1,836.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ตามข้อมูล Trade Map ปี 2024
ข้อมูลจาก KResearch ระบุว่า ผู้ส่งออกยางไทยมีความเสี่ยงผิดกฎหมาย EUDR ต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน เนื่องจากมีการปรับตัวล่วงหน้าและปฏิบัติตามข้อกำหนดมาก่อนหน้า โดยเมื่อพิจารณาตัวชี้วัดสำคัญ พบว่า
- พื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำลายป่าเฉลี่ยช่วงปี 2018–2020 ของไทยอยู่ที่ 0.4 ล้านไร่ ต่ำกว่าอินโดนีเซีย (6.0 ล้านไร่) และมาเลเซีย (1.9 ล้านไร่)
- จำนวนผู้ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) ของไทยมี 26 ราย สูงกว่าอินโดนีเซีย (6 ราย) และมาเลเซีย (1 ราย)
อย่างไรก็ดี การเลื่อนการบังคับใช้ EUDR อาจเปิดโอกาสให้คู่แข่งมีเวลาปรับตัวและไล่ตามไทยได้มากขึ้น ดังนั้นภาครัฐและเอกชนไทยจึงยังจำเป็นต้องเร่งปรับตัว โดยเฉพาะการเตรียมเอกสารสิทธิในที่ดินให้ถูกต้องตามกฎหมาย การช่วยผู้ประกอบการรายเล็กลดต้นทุนด้านการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) รวมถึงการติดตามการปรับกฎเกณฑ์เพิ่มเติมซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในปี 2569


