เปิดธุรกิจดาวรุ่ง-เฝ้าระวัง ปี 68 แนะใช้ดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพ
สสว.เผย 8 ธุรกิจดาวรุ่งปี 68 ลอจิสติกส์ยังมาแรง รับกระแสอีคอมเมิร์ซ ขณะที่ธุรกิจการขายเครื่องสำอางเผชิญกับการแข่งขันสูง
SME ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 มีผู้ประกอบการ SME จำนวน 3,255,957 ราย คิดเป็น 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด เพิ่มขึ้น 0.9% จากปีก่อน โดยธุรกิจรายย่อยเป็นธุรกิจที่มีจำนวนมากที่สุด มีสัดส่วนถึง 84% เพิ่มขึ้น 0.4%
เมื่อจำแนกตามสาขาธุรกิจแล้ว มี SME อยู่ในภาคการค้ามากที่สุด รองลงมาคือภาคบริการ และภาคการผลิต สำหรับการจ้างงานของ SME นั้นมีการจ้างงานสูงถึง 13.4 ล้านคน คิดเป็น 68.8% ของการจ้างงานรวมทั้งหมด โดยที่ภาคบริการมีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็น 44.8%
ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันทั้งภายในและภายนอก ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของ SME คงหนีไม่พ้นที่จะต้องปรับกลยุทธให้สามารถเพิ่มผลิตภาพการผลิตรวม (TFP) ให้สูงขึ้น
8 ธุรกิจ ดาวรุ่งแห่งปี 68
ธุรกิจดาวรุ่งประจำปี 2568 (มีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยเติบโตเกินกว่า 100%) ซึ่งเติบโตสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ประกอบด้วย
• ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เติบโตจากการขยายตัวของการค้าออนไลน์และการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีการใช้บริการการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 160,877 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย +500%)
• การออกแบบ ARTWORK รูปแบบการจัดวาง การออกแบบงาน สินค้า บริการ ก่อนการดำเนินการสื่อสาร หรือจัดทำจริงให้ตรงตามความต้องการ (มูลค่า GDP SME รวม 28,498 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 430 %)
• อาหารจากสัตว์น้ำ ธุรกิจภาคการผลิตหลักเพื่อบริโภคในประเทศและการส่งออก (มูลค่า GDP SME รวม 25,600 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 721 %)
• เฟอร์นิเจอร์โลหะ การปรับเปลี่ยนไปใช้สินค้าเพื่อความคงทน คุ้มค่ามากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 19,034 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 110 %)
• วีดิโอเกมและซอฟต์แวร์ ก็เป็นกลุ่มดาวรุ่งเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ ความบันเทิงและการใช้งานอย่างยั่งยืน (มูลค่า GDP SME รวม 11,015 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 191 %)
• เครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องใช้ทางการเกษตร รองรับการปรับตัวสู่เกษตรกรรมยุคใหม่จากสังคมสูงวัย (มูลค่า GDP SME รวม 3,018 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 832 %)
• ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ จากการที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (มูลค่า GDP SME รวม 901 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 241 %)
4 ธุรกิจเฝ้าระวังปี 68
ขณะที่กลุ่มธุรกิจเฝ้าระวัง (กำไรขั้นต้นหดตัวเฉลี่ยมากกว่า 50%) เป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี พบว่า
• การขายเครื่องสำอาง เผชิญกับการแข่งขันสูงทั้งจากผู้ค้าและผู้ผลิต ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อผ่านออนไลน์จากผู้ผลิต/ผู้ค้าโดยตรงจากต่างประเทศได้มากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 22,173 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -50%)
• การขายรถยนต์มือสอง ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และการปรับราคารถยนต์ใหม่ (มูลค่า GDP SME รวม 13,390 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -97%)
• ผลิตภัณฑ์ยาง เผชิญกับการแข่งขันสูงโดยเฉพาะสินค้านำเข้า (มูลค่า GDP SME รวม 10,454 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -76%)
• ที่พักอาศัยนักเรียน/นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากรูปแบบการเรียนแบบ Hybrid และความต้องการที่พักที่ทันสมัยอิสระมากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 1,014 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -165%)
แนะใช้เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ
ที่ผ่านมา TFP ของ SME มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 2567 TFP ติดลบที่ 0.27 สะท้อนว่า SME ไทย ใช้ทรัพยากรทั้งในส่วนของทุนและแรงงานเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ได้ผลผลิตน้อยลง ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา คำสั่งซื้อหดตัว และอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี
ขณะที่ธุรกิจที่มีการลงุทนหรือเคยลงทุนด้านเทคโนโลยียังสามารถเพิ่ม TFP ให้ธุรกิจได้ ดังนั้นเทคโนโลยีและดิจิทัลจึงเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับผลิตภาพการผลิตรวมของ SME
กลุ่มธุรกิจที่ยังรักษาค่า TFP เป็นบวกได้ คือกลุ่มที่ใช้ทักษะสูง และใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและทันสมัย อาทิเช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์แร่อโลหะ ที่มี TFP +17.61% (ใช้เครื่องจักรประสิทธิภาพสูง) หรือกลุ่มที่มีการผลิตกระดาษ เป็นต้น
ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีสูงแต่ใช้ประสบการณ์ในการทำงานและยังสามารถทำให้ TFP สูง ได้แก่ กลุ่มศิลปะและความบันเทิง ที่มี TFP +6.83% (เน้นประสบการณ์และทักษะแรงงาน)
จะเห็นได้ว่า โอกาสและการอยู่รอดของ SME ไม่ใช่แค่การหาเงินทุน แต่คือการรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมเพื่อ "ยกระดับผลิตภาพการผลิต"
ดังนั้นการนำเทคโนโลยี หรือดิจิทัลมาใช้ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เพื่อพลิกฟื้นให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน


