posttoday

ส่อง 8 SME ไทย ที่ก้าวขึ้นมาสู่หัวแถว โตสวนกระแสทั้งรายได้ กำไร

22 กันยายน 2568

ส่องรายได้ 8 SME ไทย โตสวนกระแสเศรษฐกิจ เริ่มต้นจากแบรนด์เล็ก ๆ ขึ้นมาอยู่หัวแถว จากกลยุทธ์การวางเกมธุรกิจอย่างเฉียบคม

ไม่กี่ปีที่ผ่านมาใครจะคิดว่าแบรนด์เล็ก ๆ ที่เริ่มจากตลาดนัดจตุจักรจะก้าวขึ้นมาเปิดสาขากว่า 60-70 แห่งทั่วประเทศ หรือร้านที่เปิดเพียง 3 ปี กลับทำรายได้แตะหลักร้อยล้านได้อย่างสง่างาม บางรายยิ่งไปกว่านั้น กำไรพุ่งกว่า 300% ภายในปีเดียว ตัวเลขเหล่านี้อาจฟังดูเกินจริง แต่ทั้งหมดคือเรื่องจริงของ SME ไทย ที่กำลังเขียน “บทใหม่” ของวงการธุรกิจ

 

โพสต์ทูเดย์ กำลังพูดถึง 8 แบรนด์ไทยดาวรุ่งที่เริ่มต้นจากแบรนด์เล็กๆ แต่สามารถไต่ขึ้นมาอยู่ “หัวแถว” ได้อย่างโดดเด่น เบื้องหลังไม่ใช่แค่ยอดขายที่พุ่งแรง หรือกำไรที่เติบโตหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่คือ “วิธีคิด” และ “กลยุทธ์วางเกม” อย่างเฉียบคม ที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง รู้ว่าตลาดต้องการอะไร รู้จังหวะที่จะบุก และรู้ว่าควรชะลอเมื่อใด

 

1.สุกี้ตี๋น้อย บุฟฟเต์ขวัญใจมหาชน

ถ้าเอ่ยถึง “บุฟเฟต์ขวัญใจมหาชน” นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก "สุกี้ตี๋น้อย" ร้านบุฟเฟต์ที่เปิดให้คนกินอิ่มจนถึงดึกดื่น กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของวิถีชีวิตคนเมือง ตั้งแต่วัยรุ่น นักศึกษา ไปจนถึงมนุษย์ออฟฟิศที่มองหาที่ฝากท้องยามดึก

 

แบรนด์นี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดย เฟิร์น–นัทธมน พิศาลกิจวนิช ที่เริ่มจากโจทย์ในบ้านตัวเอง ธุรกิจร้านอาหารไทยแบบดั้งเดิมที่ขยายยาก และแข่งขันสูง เธอจึงเลือกพลิกโจทย์ใหม่ กลายเป็นโมเดล สุกี้บุฟเฟต์ราคาย่อมเยาที่จับตลาดแมสอย่างจริงจัง ใช้ทำเลทอง เปิดบริการยันเช้า และที่สำคัญคือฟังเสียงลูกค้าอยู่เสมอ

 

กลยุทธ์แบบนี้ทำให้ “ตี๋น้อย” โตเร็วแบบก้าวกระโดด จากร้านเล็ก ๆ สู่การขยายสาขาทั่วเมือง ซึ่งอัพเดทเดือน ก.ย.2568 พบว่ามีกว่า 87 สาขา และกำลังขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด โดยที่มีแบรนด์ในเครือทั้งหมดอย่างน้อย 4 แบรนด์ คือ สุกี้ตี๋น้อย (Suki Teenoi) Teenoi BBQ (บุฟเฟต์ปิ้งย่าง) Teenoi Express (บุฟเฟต์พรีเมียม) Teenoi Gold (แบรนด์บุฟเฟต์พรีเมียมใหม่) 

 

การเติบโตนี้ เฟิร์น–นัทธมน เคยกล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาวันละกว่า 100,000 คนต่อสาขา จากตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นไม่กี่ปี จนปี 2567 สุกี้ ตี๋น้อย กวาดรายได้ทะลุ 7 พันล้านบาท และกำไรแตะระดับพันล้าน จากจุดขายที่ชัดเจน กินอิ่ม จ่ายคุ้ม เปิดดึก จนเปลี่ยนพฤติกรรมการกินดึกของคนเมืองไปโดยสิ้นเชิง ถือเป็นหนึ่งใน SME ที่เติบโตระดับบิ๊กคอร์ปไปแล้ว

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท: บี เอ็น เอ็น เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จำกัด
  • รายได้ 7,075,439,937 บาท 
  • กำไร 1,168,762,551 บาท

 

2.MizuMi กันแดดพันล้าน

ในตลาดสกินแคร์ที่ผู้บริโภคมีทางเลือกนับไม่ถ้วน “MizuMi” กลับสามารถก้าวขึ้นมาครองใจคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z ได้อย่างโดดเด่น ความสำเร็จของ MizuMi ไม่ได้เกิดจากการโหมโฆษณาด้วยเม็ดเงินมหาศาล แต่เกิดจากการฟังและเข้าใจ Insight ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการสกินแคร์ คุณภาพดี ราคาไม่สูงเกินเอื้อม และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์จริง

 

วริษฐา สืบพันธ์วงศ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ เคยบอกว่า หัวใจสำคัญของแบรนด์คือการทำกันแดดสูตรบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่กลายเป็นจุดขายชัดเจน ตอบโจทย์ทั้งนักเรียน มหาวิทยาลัย ไปจนถึงวัยทำงานตอนต้น ที่ไม่อยากให้ครีมกันแดดหนักหน้าหรือทำให้แต่งหน้าต่อได้ยาก

 

ด้านการสื่อสาร MizuMi เลือกใช้วิธี “คุยแบบเพื่อน” มากกว่าการขายตรง ผ่านช่องทางที่คนรุ่นใหม่ใช้จริง เช่น TikTok และรีวิวจาก อินฟลูเอนเซอร์สายสกินแคร์ ที่เล่าอย่างจริงใจ ไม่บังคับให้เชื่อ แต่ชวนให้ทดลองใช้ ทำให้เกิดการบอกต่อเองอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ MizuMi สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนสร้างรายได้พันกว่าล้าน กำไรเกือบ 300 ล้านบาทภายในปีเดียว และกำลังขยายจากกันแดด ไปสู่ไลน์ผลิตภัณฑ์สกินแคร์อื่น ๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ในระยะยาว รวมถึงการปั้นแบรนด์ใหม่ Gentle Color ในสินค้าเมคอัพ และที่สำคัญ MizuMi ยังวางแผนขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยมุ่งเวียดนามเป็นตลาดแรก ซึ่งคาดว่าภายในปี 2568 จะทะลุ 2 พันล้าน

 

โดย วริษฐา เคยกล่าวกับโพสต์ทูเดย์ว่า เพราะเวียดนามเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ที่นักลงทุนหรือนักธุรกิจมอง และเป็นประเทศที่ยังมีอัตราเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายความว่าประชากรวัยเด็ก และคนทำงานที่มีกำลังซื้อยังมาก ยังไม่เข้าสู่สังคมสูงวัยนั่นเอง 

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด
  • รายได้ 1,763,432,753 บาท 
  • กำไร 295,558,855 บาท

 

3.La Glace แบรนด์ที่มีผู้นำเป็น Gen Z

La Glace เครื่องสำอางงานผิวที่สร้างขึ้นโดยซีอีโอรุ่นใหม่ Gen Z เพราะตัวผู้ก่อตั้งเองก็เป็นคนรุ่นเดียวกับลูกค้า ทำให้เข้าใจทันทีว่า Gen Z มองหาอะไรในเมกอัพ โทนสีที่ใกล้เคียงผิวจริง ใช้ง่ายในชีวิตประจำวัน ราคาเข้าถึงได้ และแพ็กเกจจิ้งที่ถือแล้วไม่เขิน

 

สิ่งที่ทำให้ La Glace เติบโตไว คือการเล่นกับทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น TikTok Shop, Instagram หรือ Facebook แต่ละช่องทางมีคอนเทนต์ที่แตกต่างแต่ตรงใจ โดยเฉพาะการใช้ UGC (User Generated Content) หรือรีวิวจากผู้ใช้จริง ที่สร้างความน่าเชื่อถือและการบอกต่อแบบปากต่อปาก

 

ไม่นานนัก La Glace ก็กลายเป็น “ไอเท็มติดกระเป๋า” ของวัยรุ่น ที่ต้องมี ไม่ว่าจะเป็นลิป กลอส หรือคุชชั่น ทุกชิ้นถูกออกแบบมาเพื่อให้เข้ากับชีวิตจริงมากกว่าการโชว์แค่บนป้ายโฆษณา รวมถึงการมีโปรดักชั่นทันสมัย คอนเทนต์ดึงดูดด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ แบบมืออาชีพ จึงเป็นตัวอย่างชัด ๆ ว่า แบรนด์ที่มีผู้นำเป็น Gen Z เอง สามารถเข้าใจ และเชื่อมกับผู้บริโภคบนทุกแพลตฟอร์มได้แบบไร้รอยต่อ

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท ไอดีล แอนด์ มาเวลลัส เท็น จำกัด 
  • รายได้ 420,007,403 บาท 
  • กำไร 37,768,588 บาท 

 

4.ซันเรย์ มิวสิค (Sonray Music)

ในวันที่เพลงไม่ได้ขายแผ่น ไม่ได้พึ่งแต่คอนเสิร์ตอีกต่อไป แต่กลับอยู่ในทุกหน้าจอ ทุกแอปฯ และทุกการสตรีม Sonray Music คือหนึ่งในค่ายเล็กที่พิสูจน์ว่า ถ้าปรับตัวไวก็ไปได้ไกล

 

จากจุดเริ่มต้นที่แทบไม่มีใครรู้จัก วันนี้ ศิลปินน้องใหม่อย่าง BUS และ DICE กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงในโลกโซเชียล และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ค่ายเล็ก ๆ แห่งนี้ ก้าวขึ้นมาสร้างรายได้เกือบ 300 ล้านบาท

 

เบื้องหลังความสำเร็จไม่ใช่แค่ยอดวิวใน YouTube หรือยอดสตรีมบน Spotify แต่คือการต่อยอดไปสู่ ลิขสิทธิ์เพลง, คอนเทนต์ดิจิทัล และ Collaboration กับแบรนด์ใหญ่ ๆ ที่ทำให้ค่ายมีรายได้หลากหลาย ไม่ผูกติดอยู่กับโมเดลเดิม ๆ ของวงการเพลงไทย Sonray Music จึงไม่ใช่แค่ค่ายเพลง แต่เป็นตัวอย่างของ “ธุรกิจดนตรีในยุคดิจิทัล” ที่รู้จักสร้างศิลปินให้เป็นทั้ง แบรนด์ และแพลตฟอร์มรายได้ในตัวเอง

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท ซันเรย์ มิวสิค จำกัด 
  • รายได้ 252,788,245 บาท 
  • กำไร 24,837,035 บาท

 

5.Souri ขนมหวานขายได้ 2 แสนชิ้นต่อเดือน

ขนมหวานจากศิลปินชื่อ ดัง วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ที่ขายได้ 200,000 ชิ้นต่อเดือน Souri คือตัวอย่างการใช้ Celebrity Power ผสมกับคุณภาพ สร้างความต่างจากแบรนด์ที่อาศัยชื่อเสียงอย่างเดียว โดยมี วิน เมธาวิน เป็นเจ้าของร่วม พร้อมทีมพัฒนาสูตรที่เน้นรสชาติพรีเมียม ราคาจับต้องได้ ทำให้ขายได้กว่า 200,000 ชิ้นต่อเดือน ปัจจุบัน Souri มีหน้าร้านมากกว่า 20 สาขา ในประเทศไทย โดยกระจายอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ และหลายจังหวัด เช่น กรุงเทพฯ, เชียงใหม่, อยุธยา และพัทยา 

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท ริช สไมล์ จำกัด
  • รายได้ 155,894,814 บาท 
  • กำไร 17,285,375 บาท 

 

6.BEARHOUSE จาก YouTuber สู่เส้นทางชานมไข่มุก

จากคอนเทนต์ยูทูปสู่แบรนด์ชานมไข่มุก BEARHOUSE เริ่มต้นจากฐานแฟนเหนียวแน่นบนโลกออนไลน์ ก่อนต่อยอดสู่ธุรกิจเครื่องดื่มที่ใช้ Community Marketingเป็นแรงขับเคลื่อน จุดเด่นของแบรนด์อยู่ที่ เมนูตอบโจทย์วัยรุ่น และ สาขาที่ออกแบบให้เป็น Instagrammable Spot แม้กำไรยังไม่สูงนักเพราะลงทุนขยายสาขา แต่ยอดขายปี 2567 ก็พุ่งทะลุ 420 ล้านบาท แสดงให้เห็นศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท 21 ซันแพสชั่น จำกัด
  • รายได้ 420,179,550 บาท 
  • กำไร 3,617,409 บาท

 

7.Karun Thai Tea แบรนด์ชาไทยเบอร์หนึ่ง 

Karun Thai Tea ยกระดับชาไทยให้ทันสมัยและเข้าถึงสายตาชาวโลก ไม่ใช่แค่ชาเย็นในถุงธรรมดา แต่เป็นชาไทยพรีเมียมที่มาพร้อมสูตรเฉพาะและแพ็กเกจทันสมัยที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ จนกลายเป็นแบรนด์ชาไทยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้

 

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว แบรนด์วางเป้าหมายธุรกิจชัดเจน สามารถสร้างยอดขายแตะหลักสิบล้านตั้งแต่ปีแรก หลังจากนั้น 5 ปี Karun เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการขายออนไลน์สู่การเปิดร้านถึง 19 สาขา (อัพเดท ก.ค.2568) และเตรียมขยายสู่ตลาดต่างประเทศ

 

เรื่องราวของแบรนด์สะท้อนตัวตนและมรดกครอบครัว ชื่อ “การัน” มาจากชื่อบ้านของครอบครัว เป็นสูตรชาสูงพรีเมียมที่คุณแม่มักชงเสิร์ฟให้แขกที่มาเยือนบ้าน ขวดแก้วทรงแบนที่ใช้บรรจุชาไม่เพียงรักษาคุณภาพเครื่องดื่มหลังชงเสร็จใหม่ ๆ แต่ยังสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์จดจำง่าย

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท การัน เบฟเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด
  • รายได้ 154,073,812 บาท 
  • กำไร 2,955,688 บาท 

 

8.Yuedpao เสื้อยืดที่เริ่มจากตลาดนัดจตุจักร วันนี้โตทะลุพันล้าน

 

จากบูธเล็ก ๆ ที่จตุจักร Yuedpao ใช้ Design ที่เรียบง่าย แต่เล่นกับ Identity และ Humor จนสร้างแฟนคลับจำนวนมาก ก่อนต่อยอดสู่ร้านสาขากว่า 60-70 แห่งทั่วประเทศ และยังทำตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ แม้กำไรยังบาง แต่รายได้ทะลุพันล้านในปี 2567 พิสูจน์พลังแบรนด์สตรีทแฟชั่นไทยได้อย่างแท้จริง

 

รายได้ปี 2567 

  • บริษัท เริ่มใหม่ จำกัด
  • รายได้ 1,182,615,825 บาท 
  • กำไร 1,141,924 บาท

 

ส่อง 8 SME ไทย ที่ก้าวขึ้นมาสู่หัวแถว โตสวนกระแสทั้งรายได้ กำไร

เข้าใจตลาดและเกมธุรกิจ 

ถ้าจะสรุปความสำเร็จของทั้ง 8 แบรนด์ที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวแถวของ SME ไทย สิ่งที่เห็นชัดเจนคือพวกเขาไม่ได้โตเพราะโชคช่วย แต่รู้จักผู้บริโภค เข้าใจตลาด และเล่นเกมธุรกิจอย่างมีชั้นเชิง เริ่มจาก การเข้าใจ Insight ของลูกค้า ทุกแบรนด์ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่เข้าใจว่าในชีวิตจริงลูกค้าต้องการอะไร เช่น MizuMi เข้าใจว่า Gen Z ต้องการกันแดดบางเบา ใช้ง่าย และ La Glace เลือกโทนสีและแพ็กเกจให้เข้ากับชีวิตประจำวัน ต่อมาคือ กลยุทธ์การสื่อสารที่ตรงใจ ใช้ช่องทางดิจิทัลทั้ง TikTok, Instagram, Facebook, YouTube และรีวิวจาก Influencer/UGC ทำให้ข้อความดูเป็นธรรมชาติ สร้างความน่าเชื่อถือ และเกิดการบอกต่อ 

 

 

Source : Creden Data

ข่าวล่าสุด

“วราวุธ” ไหว้อนุสาวรีย์นายบรรหาร ก่อนไปสมัคร ภท.พรุ่งนี้