posttoday

บสย.เปิดมาตรการค้ำ “กระบะมือสอง” วงเงิน 1 พันล. ช่วย SMEs ซื้อรถใช้ทำกิน

02 กันยายน 2568

บสย. ส่งมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” กระตุ้นเศรษฐกิจ ช่วย SMEs ซื้อรถกระบะ เป็นเครื่องมือทำมาหากินง่ายขึ้น

KEY

POINTS

  • บสย. เปิดตัวมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อสำหรับซื้อรถกระบะมือสองเพื่อใช้ในการประกอบอาชีพได้ง่ายขึ้น
  • มอบสิทธิประโยชน์ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก โดยรัฐบาลเป็นผู้ออกให้ พร้อมค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี ในวงเงินสูงสุด 800,000 บาทต่อราย
  • มีเป้าหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สถาบันการเงินกล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้นในภาวะตลาดซบเซา โดยคาดว่าจะช่วย SMEs ได้กว่า 7,600 ราย

นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า บสย. ได้ขยายความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะเชิงพาณิชย์ ในการประกอบอาชีพและทำธุรกิจ ล่าสุดได้เปิดตัวมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ” เบื้องต้นได้จัดเตรียมวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการระยะแรก 500 ล้านบาท ต่อยอดจากมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเช่าซื้อรถกระบะใหม่ “กระบะพี่ มีคลังค้ำ”

 

ซึ่งเปิดตัวเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อให้การช่วยเหลือ SMEs ครอบคลุมทั้งการซื้อรถกระบะใหม่ และรถกระบะมือสอง มุ่งช่วย SMEs รายย่อย กลุ่มเกษตรกร และธุรกิจขนส่งขนาดเล็ก ที่อาจมีรายได้ไม่สม่ำเสมอ สามารถเข้าถึงสินเชื่อซื้อรถกระบะได้ง่ายขึ้น โดยตั้งเป้าว่าจากมาตรการนี้ จะช่วย “ปลดล็อก” ธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อได้อย่างยั่งยืน ทั้งช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ซบเซาให้กลับมาคึกคัก ซึ่งจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม  

 

ปัจจุบันตลาดรถกระบะมือสองมีมูลค่าประมาณ 17,000 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 38,000 คัน ซึ่งหดตัวลงต่อเนื่อง ประกอบกับราคารถกระบะมือสองที่ปรับลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลจากในปี 2566-2567 มีรถกระบะถูกยึดเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดและระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ตาม ด้วยมาตรการดังกล่าวของ บสย. ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยชดเชยความเสี่ยง เพื่อจะสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) กล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้น โดยคาดว่าจากมาตรการนี้ จะช่วยผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องการซื้อรถกระบะมือสองเข้าถึงสินเชื่อได้กว่า 7,600 ราย ก่อให้เกิดสินเชื่อในระบบกว่า 3,400  ล้านบาท รักษาการจ้างงานกว่า 153,000 ตำแหน่ง และสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 14,000 ล้านบาท 

 

ปัจจุบันสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรถกระบะมือสอง 60% เป็นกลุ่ม Non Bank ที่เหลืออีก 40% เป็นกลุ่มสถาบันการเงินและบริษัทในเครือ โดยจุดเด่นของมาตรการ “กระบะ (มือสอง) พี่ มีคลังค้ำ”จะช่วย SMEs ลดภาระทางการเงิน ด้วยสิทธิประโยชน์ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก โดยรัฐบาล กระทรวงการคลังเป็นผู้ออกค่าธรรมเนียมค้ำประกันให้ และในส่วนปีที่ 4-7 คิดค่าธรรมเนียมค้ำประกันต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ของภาระค้ำประกันในแต่ละปี เช่นภาระสินเชื่อปีที่ 4 คงเหลือ 300,000 บาท SMEs จะจ่ายค่าธรรมเนียมค้ำประกันเพียง 4,500 บาทเท่านั้น พร้อมค้ำประกันนานสูงสุด 7 ปี หรือ 84 งวด วงเงินค้ำประกันสูงสุดถึง 800,000 บาทต่อราย สิ้นสุดรับคำขอค้ำประกันภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 

 

นายสิทธิกร กล่าวว่า กรณีที่ SMEs ที่ถือหนังสือค้ำประกัน บสย. ประสบปัญหาไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดต่อได้จนกลายเป็นหนี้เสีย และรถถูกยึดขายทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้ว โดยไฟแนนซ์พิจารณาส่งยอดหนี้คงเหลือมาเคลมกับ บสย. ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลมภายใต้มาตรการนี้ สามารถเข้าร่วมมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ “บสย. พร้อมช่วย” หรือ มาตรการ 3 สี ม่วง เหลือง เขียว ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับความสามารถในการชำระหนี้ จุดเด่นคือ ยืดหนี้ยาวสูงสุด 7 ปี พร้อม “ตัดเงินต้น ก่อนตัดดอก” และคิดอัตราดอกเบี้ย 0% โดยปลดหนี้ ลดเงินต้นให้สูงสุด 30% พร้อม “ยกดอกเบี้ย” ซึ่งเป็นมาตรการที่ช่วยให้ลูกหนี้สามารถ “อยู่รอด อยู่ได้” และ “ปลดหนี้” ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น ช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจ และทำให้ลูกหนี้มีกำลังใจ กลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง


 

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 68