เอกชน ลั่น ใครเป็นรัฐบาลใหม่ก็ได้ ขอสานงานต่อเนื่อง หวั่นเศรษฐกิจซึมยาว

“ธนวิชญ์ ต้นกันยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ฮอร์แกไนซ์ จำกัด แพลตฟอร์ม HORGANICE สำหรับธุรกิจห้องพัก และ นายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทย กล่าวกับ โพสต์ทูเดย์ ภายหลังมติศาลรัฐธรรมนูญปมคลิเสียงฮุนเซน “แพทองธาร”หลุดเก้าอี้นายกรัฐมตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ้นทั้งคณะ ว่า ในความเห็นส่วนตัว เอกชนชินกับการเปลี่ยนแปลง อยู่กับสถานการณ์การเมืองแบบนี้มานานแล้ว ดังนั้นไม่ว่าขั้วไหนจะมาเป็นรัฐบาลใหม่ ขออย่างเดียวคือการสานต่อนโยบายเดิมที่ดีอยู่แล้ว อย่าทุบผลงานของขั้วตรงข้าม เพราะคิดว่าไม่ใช่ผลงานของพรรคตนเอง 

ส่วนในมุมเศรษฐกิจ ต้องยอมรับว่า แย่ และไม่รู้ว่าจะฟื้นอีกภายในกี่ปี 2 ปี 3 ปี หรือ 4 ปี เพราะประเทศไทยพึ่งพารายได้จาก 2 ส่วน คือ ท่องเที่ยว และภาคการเกษตร ซึ่งทั้ง 2 ส่วนกำลังดิ่งลง นักท่องเที่ยวจีนไม่มา เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย ปัญหาชายแดน ไทย-กัมพูชา ก็มาซ้ำเติมอีก แม้จะเริ่มมีชาวยุโรปเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยก็ตาม

ขณะที่ภาคการเกษตร ในมุมส่งออกนอกจากได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์แล้ว การบริโภคในประเทศก็กลับมีการนำเข้าสินค้าเกษตรจากจีนมากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้หยุดนำเข้า เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยได้ทำตลาดในประเทศไทยมากขึ้น

“ธนวิชญ์” กล่าวว่า ส่วนมุมมองในฐานะนายกสมาคมการค้าสตาร์ทอัพไทยนั้น อยากให้รัฐบาลมองการแข่งขันออกเป็น 2 มิติ นอกจากบนโลกจริงแล้ว หากดูตามแผนที่ จะเห็นเส้นแบ่งแยกดินแดนชัดเจนว่าเป็นของใคร

แต่ในมุมธุรกิจมิติที่สำคัญคือธุรกิจในโลกดิจิทัล ซึ่งเมื่อดูในแผนที่ในโลกมิติที่สองนี้ได้ จะพบว่าแพลตฟอร์มของคนไทยอยู่ในแผนที่น้อยมาก นอกจากนี้คนไทยยังใช้เทคโนโลยีต่างชาติจำนวนมากเช่นโปรแกรมแชท จีพีที นั่นคือต้นทุนมหาศาล

ขณะที่แนวทางการสนับสนุนสตาร์ทอัพของรัฐบาลก็หนีไม่พ้นการออกบูธ ที่ต้องมีสินค้ามาโชว์ในโลกจริงเป็นการค้าแบบดั้งเดิม ทั้งๆที่ถามว่าตอนนี้เครื่องมือสนับสนุนสตาร์ทอัพมีครบหมดแล้ว อยู่ที่การวางกลยุทธ์และแนวทางในการให้ภาครัฐนำสินค้าของสตาร์ทอัพไปใช้ได้อย่างไร