เศรษฐกิจถดถอย การเมืองเปราะบาง “เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล” ชี้ ภาระหนักบนบ่านายจ้างไทย
ผ่าแนวคิด “เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล” กับวิกฤตนายจ้างรอบด้าน แรงงานหาย ค่าแรงขึ้น เศรษฐกิจพัง นโยบายการเมืองไม่นิ่ง นักลงทุนลังเล ต้นตอทำไทย ไม่เซ็กซี่ เท่าเวียดนาม
เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ยังคงผูกติดกับการเมืองร้อนแรง บวกกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเหตุให้ประเทศไทย ไม่ “เซ็กซี่” เหมือนเมื่อก่อน และอาจเสียแชมป์เบอร์ 1 ในภูมิภาคให้ “เวียดนาม” หรือไม่ แม้ประเทศไทยจะมั่นใจว่า GDP ปี 68 จะดีขึ้น แต่อย่าลืมเปรียบเทียบว่าสัดส่วนของเราที่บอกว่าดีนั้น ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่รอบตัวเรามีตัวเลขอยู่ที่เท่าไหร่
“เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล” ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT) เปิดเผยกับ โพสต์ทูเดย์ พร้อมกับยอมรับว่า ตอนนี้ประเทศไทย ไม่มีจุดขายเหมือนเมื่อก่อน ต้องการเดินนโยบายไหน ก็ติดขัดจนไม่มี “magnet” ในการดึงดูดนักลงทุน โครงการใหญ่ไม่มี แรงงานก็สูง ในขณะที่ เวียดนามเอง เดินหน้าได้ไวมาก ที่เห็นได้ชัดก็คือการประกาศลงทุน การสร้างเอนเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ ขณะที่ประเทศไทย ยังไม่ได้เดินหน้าไปไหน
ศรีลังกา ทดแทนแรงงานกัมพูชาไม่ได้
ส่วนประเด็นที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้นำแรงงานจากประเทศศรีลังกา เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานโดยเฉพาะแรงงานกัมพูชา นั้น “เอกสิทธิ์” ให้ความเห็นว่า อาจเป็นแรงงานที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมที่แรงงานกัมพูชาทำงานอยู่ เนื่องจากแรงงานกัมพูชาที่หายไป ส่วนใหญ่ทำงานในกลุ่มเกษตรกรรม ประมง และการก่อสร้าง
ขณะที่ แรงงานศรีลังกา อาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษาไทย และสิ่งที่ถนัดคือการใช้แรงงานกับงานฝีมือ หรือ งานบริการโรงแรมมากกว่า นอกจากนี้ยังมีอีกสิ่งที่ต้องคำนึงด้วย คือ ค่าแรง เนื่องจากประเทศศรีลังกา อยู่ห่างไกลประเทศไทยมากกว่ากัมพูชา จึงอาจมีต้นทุนตรงส่วนนี้เพิ่มขึ้น
ขึ้นค่าแรง ตัวเร่งนายจ้างใช้ AI แทนมนุษย์
ดังนั้น หากจะมองกันให้ลึก แรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในประเทศไทยนั้น มีสัดส่วนที่มาจากกัมพูชาเพียง 8-10 % เท่านั้น จึงไม่น่ามีผลกระทบกับภาคอุตสาหกรรมเท่าไหร่นัก เพราะแรงงานเมียนมาร์ และ ลาว สามารถทำงานทดแทนได้
แต่เรื่องค่าแรงที่สูงขึ้นมากกว่าคือความเสี่ยงที่จะเป็นตัวเร่งให้นายจ้างสู้ต้นทุนไม่ไหว และเลือกใช้เทคโนโลยี AI แทนคน
เมื่อค่าแรงแพงขึ้น โดยเฉพาะในประเด็นของอุตสาหกรรมโรงแรมที่ถูกบังคับให้ปรับค่าแรงเป็น 400 บาท เท่ากันทั่วประเทศด้วย แม้จะเป็นโรงแรมในพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวน้อย นั้น ยิ่งเป็นต้นทุนที่เห็นได้ชัดเจน ตรงนี้โรงแรมหรือธุรกิจSMEกระทบแน่ อาจเลิกจ้าง และปิดโรงแรม ซ้ำเติมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ซบเซาอยู่แล้วอีกด้วย
เอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย (ECOT)
ประเด็นเรื่องค่าแรง ยังส่งผลต่อนักลงทุนต่างชาติ จีน หรือ ญี่ปุ่น ก็เริ่มมองหาการลงทุนในประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI หรือ หุ่นยนต์ มาใช้แรงงานคนที่ไม่ได้ต้องการทักษะในการทำงานเท่าการใช้คน สิ่งนี้นักลงทุนมองว่า การลงทุนเทคโนโลยี ลงทุนใหญ่ครั้งเดียว ประสิทธิภาพดีกว่า ทดแทนแรงงานได้ ไม่ต้องบริหารจัดการเรื่องคนทั้งค่าแรง สวัสดิการที่ต้องดูแล เป็นต้น
การเมืองแย่ ฉุดเศรษฐกิจพัง
เมื่อถามต่อถึงภาพรวมของเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ว่า เอกชนยังมีความหวังว่าจะดีขึ้นหรือไม่นั้น “เอกสิทธิ์” กล่าวว่า แม้ว่าทุกวันนี้เอกชนไทยเอง ปรับตัวและอยู่รอดได้ด้วยตัวเองก็ตาม แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจครึ่งปีหลังนั้น เขายังไม่เห็นสัญญาณที่ดี ด้วยปัญหาการเมือง ภาษีทรัมป์ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นักท่องเที่ยวที่ลดลง รวมถึงการลงทุนโครงการใหญ่ที่จะดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ที่ไม่ชัดเจนเรื่องนโยบาย ทำให้เวียดนาม กำลังกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของนักลงทุน
เราหวังพึ่งนักท่องเที่ยวจีน แต่เขาไม่มา เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัย และประเทศเขาเองเริ่มเที่ยวกันเองในประเทศแล้ว มีการสร้างสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง ที่ทำให้คนจีนเที่ยวเองในประเทศ
“เอกสิทธิ์” ยอมรับว่า ตอนนี้นักลงทุนชะลอการลงทุน ส่วนหนึ่งมาจากรอความชัดเจนเรื่องคดีของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่จะตัดสินคดีกันในวันที่ 29 ส.ค. 2568 นี้ เพราะไม่รู้ทิศทางทางการเมืองที่ผูกกับนโยบายการพัฒนาประเทศของประเทศไทย ว่าจะไปทางไหน เลือกนายกฯใหม่ ยุบสภา หรือ จะเดินหน้าไปทางไหน แม้แต่ในตลาดทุนเอง คนก็ไม่กล้าระดมทุนในช่วงนี้ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนของคดี
เรากำลังจะเสียแชมป์ให้เวียดนาม รัฐบาลต้องมีผู้เชี่ยวชาญ หรือ ตั้งคนในตำแหน่งให้ตรงกับงานที่ถนัด นำประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งให้มากกว่านี้


