posttoday

"AIS" เสริมแกร่ง SME ผ่านงาน Transformative Infinite SMEs

18 สิงหาคม 2568

“AIS" คัด 30 ผู้ประกอบการ จัด Transformative Infinite SMEs หลักสูตรเสริมแกร่ง SME ไทยให้เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด

เป็นระยะเวลากว่า 15 ปี ที่ AIS จุดประกายการสนับสนุนผู้ประกอบการผ่านโครงการ AIS The StartUp โดยทำหน้าที่เสมือนเพื่อนคู่คิดให้กับองค์กรขนาดเล็ก คอยหนุนหลังให้เติบโตอย่างมั่นคง ซึ่งวันนี้ได้ขยายขอบเขตสู่ “AIS Infinite SMEs” ภารกิจใหม่เพื่อช่วยทรานส์ฟอร์มธุรกิจ Startup และ SME ไทยให้ยกระดับสู่มาตรฐานสากล พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างไร้ขีดจำกัดและยั่งยืน

 

เดินหน้าภารกิจโครงการนี้ ด้วยการคัดเลือกผู้ประกอบการ 30 รายที่มีศักยภาพ เข้าร่วม“Transformative Infinite SMEs” หลักสูตรเฉพาะทางเพื่อเสริมทักษะและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการโครงการ AIS Infinite SMEs

ดร.ศรีหทัย พราหมณี ผู้จัดการโครงการ AIS Infinite SMEs เล่าว่า AIS ทำงานเคียงข้างสตาร์ทอัพมานานมากกว่าทศวรรษ ผ่าน AIS The StartUp ที่มุ่งเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจเล็กๆ กลายเป็นพันธมิตรที่ร่วมขับเคลื่อนประเทศ ในอดีตคำว่า “พันธมิตร” มักหมายถึงองค์กรใหญ่จับมือกับองค์กรใหญ่ แต่ AIS มองว่า Startup มีศักยภาพไม่แพ้กัน ต่างกันเพียงขนาดและรูปแบบธุรกิจ

 

“ตลอดเส้นทางกว่า 15 ปีที่ผ่านมา AIS ได้เห็นการเติบโตของสตาร์ทอัพหลายราย เช่น จากทีมเพียง 5-6 คน รายได้หลักหมื่นบาทต่อปี กลายเป็นองค์กรที่มีพนักงาน 60-70 คน รายได้แตะหลักร้อยล้าน และฐานลูกค้าขยายจากหลักสิบเป็นหลักแสน”

 

ดร.ศรีหทัย กล่าวต่อว่า เมื่อบริษัทเหล่านี้เติบโต AIS ก็ต้องเติบโตตามเพื่อสนับสนุนได้อย่างต่อเนื่อง นี่คือที่มาของชื่อ “AIS Infinite SMEs” ซึ่ง "Infinites" (อินฟินิท) หมายถึงการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ แบบไร้ขีดจำกัด

 

โครงการนี้ได้ขยายขอบเขตจากการสนับสนุนสตาร์ทอัพ สู่ SME โดยมีเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกับ SME ทุกขนาดในประเทศไทย ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ โดยหัวใจหลักของ AIS ในการสนับสนุน SME คือ "ความร่วมมือ" ไม่ใช่แค่การ "ช่วยเหลือและซัพพอร์ต" เพราะ AIS เชื่อว่า SME ก็มีความเก่งในแบบของตัวเอง

 

AIS Infinite SMEs มีแนวทางการทำงานที่เรียกว่า “3 เชื่อม 3 ส” ดังนี้

 

3 เชื่อม (การเชื่อมโยง)

  • เชื่อมเทคโนโลยี: นำความแข็งแกร่งด้าน Digital Infrastructure และยุทธศาสตร์ AI for Sustainable Nation ของ AIS เข้าไปร่วมมือกับ SME
  • เชื่อมพันธมิตร: AIS เชื่อมโยง SME กับพันธมิตรภายนอกที่เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆ อย่างแท้จริง (เช่น Family Business) โดยไม่หวงพันธมิตร เพราะเชื่อว่าหาก SME เติบโตก็จะเป็นผลดีกับ Ecosystem และการเติบโตของภาคเศรษฐกิจไทยด้วย
  • เชื่อมตลาด: เมื่อ SME มีเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและมีพันธมิตรที่ดี ก็จะพร้อมสำหรับการเชื่อมต่อสู่ตลาดต่างๆ

 

3 ส (การเสริมสร้าง)

  • สร้างทักษะ: เสริมทักษะที่เหมาะสมกับแต่ละสเกลของ SME
  • เสริมระบบ: นำระบบและเทคโนโลยีดิจิทัลของ AIS เข้าไปช่วยเสริมประสิทธิภาพให้ SME สามารถใช้เทคโนโลยีที่ลงทุนไปได้อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่ม Productivity และลดต้นทุน (Cost Optimization) ซึ่งส่งผลต่อกำไรในที่สุด
  • สยายปีก: ช่วยให้ SME เติบโตต่อไปได้ เช่น การใช้ความแข็งแกร่งของ AIS ในฐานะพันธมิตรภายใต้ Bridge Alliance (พันธมิตรโอเปอเรเตอร์กว่า 40 ประเทศทั่วโลก) เพื่อช่วย SME

 

“โครงการนี้เป็นการเชื่อมโยงสิ่งต่างๆ แบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งปัจจุบัน SME ในไทยมีจำนวนมาก รวมถึงที่มีอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทาง AIS อยากทำงานกับกลุ่มนี้ทั้งหมดเพื่อให้สามารถต่อยอดธุรกิจร่วมกันได้ และการเชื่อมตลาด จากฐานลูกค้าของ AIS กว่า 51 ล้านราย”

 

สร้าง Impact กับ SME 400 ราย

ดร.ศรีหทัย กล่าวต่อว่า AIS Infinite SMEs มีอายุโครงการเพียง 2 เดือน โครงการได้จัดอบรมทักษะให้กับ SME 30 ราย รวม 4 สัปดาห์ เพื่อเสริมทักษะและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากผู้เชี่ยวชาญแวดวงต่างๆ 

 

ทั้งนี้ แม้จะคัดเลือก 30 รายร่วมโครงการ จากจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้ามาแล้วประมาณ 400 รายAIS ไม่ทิ้ง SME กลุ่มนี้แต่มีการทำ Collaboration ในแต่ละกลุ่มต่อไป ซึ่งทั้งหมด ครอบคลุม

  • กลุ่ม RSME (Residential SME): พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่ยังไม่ได้จดทะเบียนบริษัท 
  • กลุ่ม SME ที่เพิ่งเริ่มต้นบริษัท กำลังทดสอบตลาด 
  • กลุ่ม SME ที่กำลังขยายตัว (Scale) หรือกำลัง Transform เช่น ผู้ก่อตั้งที่เติบโตมานาน 10-15 ปี หรือทายาทธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่รุ่นก่อนๆ ทำไว้

 

ขณะนี้โครงการกำลังอยู่ในช่วง รุ่นที่ 0 หรือ รุ่น Beta เพื่อทดลองและเก็บ Requirement จาก SME 400 รายนี้ โดยแบ่งกลุ่มตามอุตสาหกรรมและขนาด เพื่อปรับปรุงและวางแผนธุรกิจสำหรับปีหน้า

 

ทั้งนี้เป้าหมายโครงการเน้นที่ "ผลกระทบ (Impact)" เช่น ต้องการเห็นพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถตั้งบริษัทได้ โครงการนี้ไม่ใช่แค่กิจกรรมที่ทำแล้วจบ แต่เป็นการสนับสนุนแบบ 360 องศา ที่จะช่วยให้ธุรกิจและคนของ SME เติบโตอย่างต่อเนื่อง และ AIS จะเติบโตไปพร้อมกับพวกเขา

 

ศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

SME ปรับตัวสู่ความยั่งยืน และกฎระเบียบใหม่ 

 

ขณะที่ ศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้แนะนำ Startup และ SME ว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญ คือ เรื่อง sustainability หรือ ความยั่งยืน ซึ่งธุรกิจทั่วโลกให้ความสำคัญ ต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ SME ที่มีทุนน้อยกว่าบริษัทใหญ่ๆ จึงอยากให้มองรอบด้านไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถในการทำกำไร โดยปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้มีความซับซ้อนขึ้น จะทำอย่างไรให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างยั่งยืนจริงๆ ต้องสามารถปรับตัวได้ ทั้งในด้านการแข่งขัน สังคม และสิ่งแวดล้อม

 

รวมถึงกฎระเบียบใหม่ๆ ที่ SME ต้องปรับตัว คือ พ.ร.บ. Climate Change แม้ว่าจะไม่กระทบโดยตรงต่อ SME แต่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเฝ้าระวังผลกระทบต่อซัพพลายเออร์ของตน ซึ่งอาจมีต้นทุนหรือข้อจำกัดเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สถาบันการเงินหลายแห่งที่มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ต้องพิจารณาพอร์ตสินเชื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มธุรกิจ Green ผู้ประกอบการที่ขอสินเชื่อในกลุ่มนี้จึงต้องเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ SME ทั้งในด้านการเข้าถึงเงินทุนและการปรับตัวต่อมาตรฐานใหม่

 

แววตา ปราชญ์เมธีกุล กรรมการและเลขานุการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว (AFBE) และ Founder & Chairman บลน. ยูเนี่ยน เว็ลธ์ จำกัด

การเปลี่ยนผ่าน ของธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่น

 

แววตา ปราชญ์เมธีกุล กรรมการและเลขานุการสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัว (AFBE) และ Founder & Chairman บลน. ยูเนี่ยน เว็ลธ์ จำกัด กล่าวว่า โลกเปลี่ยนเร็วขึ้นทุกวัน ทำให้ธุรกิจทุกประเภทต้องปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจครอบครัว ที่เริ่มเห็นรุ่นพ่อแม่วางมือจากกิจการ สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือ ลูกหลานที่เรียนจบจากต่างประเทศมักไม่อยากสานต่อธุรกิจเดิมโจทย์สำคัญจึงอยู่ที่ ทำอย่างไรให้ธุรกิจครอบครัวไทยเติบโตและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน ซึ่งจำเป็นต้องมีการพูดคุยและสร้างความเห็นร่วมกันระหว่างผู้ก่อตั้งและคนรุ่นใหม่ โดยสามารถสรุปเป็น 3 ปัจจัยหลัก

  • ธุรกิจ (Business) ธุรกิจเดิมจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันสมัย หากทำเหมือนเดิมตามแบบรุ่นพ่อแม่ อาจอยู่รอดได้ยากในโลกยุคใหม่
  • ครอบครัว (Family) การสื่อสารภายในครอบครัวมีความสำคัญสูง ลูกหลานที่เรียนจบจากต่างประเทศมักมีความฝันและเป้าหมายของตัวเอง การขาดกระบวนการหรือเครื่องมือช่วยให้ครอบครัวเห็นตรงกัน จึงเป็นอุปสรรคสำคัญในการส่งต่อธุรกิจ
  • การบริหารความมั่งคั่งของครอบครัว (Family Wealth) ธุรกิจหลายแห่งจำเป็นต้องเรียนรู้การกระจายความเสี่ยง (Diversify) โดยจัดโครงสร้างทรัพยากรเดิม เช่น ที่ดินหรือเงินทุน ให้ลูกหลานได้ทดลองลงทุนและสร้างธุรกิจใหม่ ผ่านพื้นที่ทดลองหรือ sandbox

 

สุดท้าย AIS Infinite SMEs ยืนยันว่าสำหรับโครงการต่อจากนี้ จะมีความเข้มข้น และจัดเต็ม เพื่อสนับสนุน Startup และ SME ไทยให้เติบโตยิ่งขึ้นอีก สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ais.th/infinite-smes และ https://www.facebook.com/AISInfiniteSMEs

ข่าวล่าสุด

กต.ชี้ กัมพูชาปิดด่านห้ามคนไทยกลับประเทศขัดกฎหมายระหว่างประเทศ