She Commerce ดันผู้ประกอบการหญิงไทย นำสินค้าเปิดตลาดออสเตรีย
She Commerce ปูทางผู้ประกอบการหญิง SME ไทยเปิดตลาดออสเตรีย เพิ่มสัดส่วนส่งออกยุโรป เน้นกลยุทธ์ยั่งยืน สร้างเครือข่ายสากล
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันรุนแรง และกติกาการค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ประกอบการ SME ไทยต่างเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งเรื่องการเข้าถึงเงินทุน การปรับตัวตามมาตรฐานสากล และการสร้างความได้เปรียบในตลาดต่างประเทศ
แต่สำหรับผู้ประกอบการหญิง ความท้าทายเหล่านี้ยิ่งทวีคูณ จากข้อจำกัดด้านเวลา ภาระงานในครอบครัว และการเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจที่ยังไม่เท่าเทียม
สถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา (องค์การมหาชน) หรือ ITD ร่วมกับ ADVANTAGE AUSTRIA Bangkok และ UN Women ได้จัดโครงการ She Commerce และจัดงาน She Commerce Forum 2025 ภายใต้แนวคิดเสริมพลังผู้ประกอบการสตรีไทย เพื่อก้าวสู่การค้าระหว่างประเทศอย่างยั่งยืนในตลาดสหภาพยุโรปและออสเตรีย เพื่อยกระดับศักยภาพสตรีไทย โดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้สามารถเข้าถึงและขยายตลาดในสหภาพยุโรป (EU) และออสเตรีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงและให้ความสำคัญกับมาตรฐานสินค้าและความยั่งยืน
เพิ่มสัดส่วนผู้ประกอบการหญิง
นายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์มีเป้าหมายชัดเจนในการเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้มีที่ยืนอย่างมั่นคงบนเวทีโลก โดยโครงการ She Commerce ถือเป็นตัวอย่างสำคัญของการสนับสนุนผู้ประกอบการสตรีไทยให้สามารถเปิดตลาดใหม่ได้ ด้วยการใช้จุดแข็งด้านความคิดสร้างสรรค์และการปรับตัวให้สอดรับกับกติกาการค้าใหม่ เช่น ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน ไทยมีผู้ประกอบการ SMEs ราว 3 ล้านราย แต่มีเพียงราว 27% หรือ 1 ใน 5 เท่านั้นที่เป็นผู้ประกอบการหญิงที่ทำสินค้าส่งออก ขณะที่สัดส่วนในยุโรปสูงถึง 47% จึงเป็นเป้าหมายของไทยในการเพิ่มสัดส่วนดังกล่าว ซึ่งสอดคล้องกับความตั้งใจของออสเตรียที่ต้องการสนับสนุนบทบาทสตรีไทยให้มีศักยภาพเจาะตลาดยุโรป โดยใช้ออสเตรียเป็นตลาดนำร่อง และหากผู้ประกอบการไทยสามารถพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานสหภาพยุโรป ก็จะสามารถขยายสู่ตลาดอื่น ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น
ด้าน นายสุภกิจ เจริญกุล ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา เผยว่า หากพูดถึงภาพรวมของผู้ประกอบการไทยในปัจจุบัน พบว่า 36.4% ของประชากรผู้ใหญ่มีส่วนร่วมในการเป็นผู้ประกอบการ และการทำธุรกิจช่วงเริ่มต้นได้แสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ประกอบการสตรีต่อผู้ประกอบการชายใกล้เคียงกัน
แต่เมื่อต้องดำเนินธุรกิจต่อไปกลับพบช่องว่างที่สำคัญคือมีผู้หญิงเป็นเจ้าของธุรกิจเหลือเพียง 23.7% เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ITD จึงได้จัดทำโครงการ She Commerce ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อยกระดับความสามารถเชิงธุรกิจของผู้ประกอบการสตรีไทย ผ่านการสร้างองค์ความรู้ ความเข้าใจ และเสริมศักยภาพให้สามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นคง
โดยโครงการนี้ได้มุ่งเน้นไปยังตลาดออสเตรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดยุโรปที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อมาตรฐานสินค้าและความยั่งยืน ที่เป็นกติกาการค้าใหม่ที่ผู้ประกอบการไทยทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับตัวให้ทัน เพื่อให้สามารถแข่งขันได้อย่างมั่นใจบนเวทีโลก ตลอดทั้งโครงการได้รับความร่วมมือจาก ADVANTAGE AUSTRIA Bangkok และ UN Women เพื่อเฟ้นหาตัวแทนผู้ประกอบการสตรีในกลุ่ม SMEs และ MSMEs ทั่วประเทศไทย ที่มีศักยภาพและความมุ่งมั่น เข้าร่วมกระบวนการฝึกอบรมธุรกิจอย่างเข้มข้น ทั้งในด้านการวางกลยุทธ์ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด และการสร้างเครือข่ายสากล เป็นตัวแทนประเทศไทยในการเดินทางไปศึกษาดูงาน ณ ประเทศออสเตรีย
ออสเตรียเป็นเพียงประเทศเริ่มต้นที่เรามีการหารือกัน เนื่องจากมีความสำคัญด้านการค้ากับไทย โดยจะมีการขยายโครงการเพิ่มอีกหลายรูปแบบ ซึ่งในอนาคตกฏระเบียบการค้าในฝั่งยุโรป จะเข้มข้นมากขึ้น จึงจำเป็นต้องจัดโครงการเพื่อให้ความรู้ผู้ประกอบการ ให้มีความพร้อม โดยเฉพาะเรื่องคาร์บอน ซึ่งมีความซับซ้อน ณ ตอนนี้ SME หลายราย ยังไม่ได้เตรียมตัว เพราะส่วนใหญ่จะกังวลเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายมากกว่า
ความท้าทายของผู้ประกอบการหญิงไทย
นางสาวศุภพิมพ์ วัณโณภาศ ผู้จัดการโครงการ WE RISE Together ประเทศไทย UN Women กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์สตรีไทยในภาคแรงงานและการเป็นผู้ประกอบการ ข้อมูลจาก Global Gender Gap Index 2025 ของ World Economic Forum ระบุว่า ไทยอยู่ในอันดับที่ 66 ของโลก ลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน แต่คะแนนรวมยังใกล้เคียงเดิมที่ 72.8% ซึ่งในแง่สถิติ ความเท่าเทียมทางเพศในตลาดแรงงานไทยถือว่าค่อนข้างใกล้เคียงกันระหว่างหญิงและชาย
ในภาคการศึกษาและสาธารณสุข ไทยมีความเท่าเทียมสูงเกือบ 1:1 แต่เมื่อเข้าสู่ภาคเศรษฐกิจกลับลดลงเหลือเพียง 0.7 สะท้อนว่ามีช่องว่างบางส่วน โดยปัจจัยหลักที่ทำให้คะแนนต่ำคือ การมีส่วนร่วมทางการเมือง ผู้หญิงมีตัวแทนในตำแหน่งผู้กำหนดนโยบายน้อย จึงอาจส่งผลให้ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงไม่ได้รับความสำคัญเท่าที่ควร
นอกจากนี้ ผู้หญิงในตำแหน่งตัดสินใจระดับกลางขึ้นไปมีเพียง 33-37% และมีการเข้าถึงสินเชื่อเพียง 16% เทียบกับผู้ชายที่ 29% ขณะเดียวกัน ภาระงานดูแล (Care work) เช่น เลี้ยงลูก ดูแลผู้สูงอายุ ทำงานบ้าน ฯลฯ ยังตกอยู่กับผู้หญิงเป็นหลัก โดยใช้เวลาเฉลี่ยเกือบ 3 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ผู้ชายใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ส่งผลให้ผู้หญิงมีเวลาพัฒนาทักษะหรือทำธุรกิจน้อยกว่า
สถานการณ์ผู้ประกอบการหญิงไทย
นางสาวศุภพิมพ์เปิดเผยอีกว่า ผู้ใหญ่ไทยราว 36.4% เป็นผู้ประกอบการ แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 23.7% ที่เป็นเจ้าของกิจการหญิง ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือไมโคร รายได้ไม่เกิน 148 ล้านบาทต่อปี ซึ่งทำให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างและสินเชื่อได้ยาก
ทั้งนี้ ธนาคารกรุงศรีฯ ประเมินว่ามี ช่องว่างทางการเงิน (Financing gap) สำหรับธุรกิจผู้หญิงสูงถึง 61% หรือราว 760,000 ล้านบาท เจ้าของกิจการหญิงเพียง 40% ที่มองว่ามีทักษะเพียงพอในการทำธุรกิจ
ส่วนอุปสรรคสำคัญของผู้ประกอบการหญิง
- การเข้าถึงเงินทุน มักต้องพึ่งเงินออมส่วนตัวหรือครอบครัว
- ขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างที่ซับซ้อน ต้องใช้เอกสารและหลักฐานจำนวนมาก รวมถึงการวางเงินค้ำประกัน
- ข้อจำกัดด้านเวลาและความมั่นใจ หลายคนให้ผู้ชายในทีมออกหน้าทางธุรกิจเพราะมั่นใจมากกว่า แต่เมื่อได้รับการฝึกอบรมและอยู่ในเครือข่ายผู้ประกอบการหญิง ความมั่นใจและบทบาทก็เพิ่มขึ้น
ประเภทธุรกิจที่ผู้หญิงทำมาก มักเป็นกลุ่มมูลค่าต่ำ เช่น สินค้าเกษตรที่ไม่ได้ผ่านการวิจัยและพัฒนา หรือค้าปลีกที่มีมูลค่าเพิ่มไม่สูง ทำให้ศักยภาพการเติบโตและการเข้าถึงห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ยังจำกัด
Moreloop ผู้ประกอบการไทย กับการแก้ปัญหาเศษผ้า
ทั้งนี้ บริษัท Moreloop เป็นบริษัทผู้ชนะเลิศจากผู้เข้าร่วมโครงการ จากผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 800 ราย อันเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์โดยมีการเดินทางมายังกรุงเวียนนาประเทศออสเตรียระหว่างวันที่ 3 – 8 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมาเพื่อศึกษาดูงานและเปิดตลาดจริงในประเทศออสเตรีย
นางสาวธมลวรรณ วิโรจน์ชัยยันต์ ผู้ชนะในโครงการ She Commerce จากบริษัท มอร์ลูป จำกัด ในฐานะผู้ชนะจากโครงการ กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสสำคัญในการเปิดตลาด เชื่อมโยงเครือข่าย และสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระดับสากล หวังว่าประสบการณ์ครั้งนี้จะสามารถนำกลับมาส่งต่อเป็นองค์ความรู้และแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการไทยรายอื่นในอนาคต โดย บริษัท มอร์ลูป เป็นธุรกิจที่ดำเนินงานด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เน้นการจัดการและใช้ประโยชน์จากผ้าส่วนเกินที่เหลือจากโรงงานผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ ให้กลายเป็นสินค้าที่ยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีคุณค่าต่อสังคม ซึ่งการได้ไปศึกษาดูงานในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้านความยั่งยืนอย่างออสเตรีย จึงเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดและยกระดับธุรกิจไทยสู่มาตรฐานสากล


