เปิดแล้ว วิทยุดิจิทัลทดลอง ฟังได้ 18 สถานี โดยไม่ต้องจูนคลื่น

พล.อ.ท. ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ  กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง เปิดเผยว่า เนื่องในวันสื่อสารแห่งชาติ 4 ส.ค. 2568  สำนักงานฯ ร่วมกับ พระราชวชิรธรรมาจารย์ ประธานมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ และเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เปิดสถานีวิทยุสวนแสงธรรม นับเป็นปฐมฤกษ์ในการออกอากาศในระบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี Digital Audio Broadcasting Plus หรือ DAB+ ที่สวนแสงธรรม อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม 

ทั้งนี้ หลังจากที่ กสทช. ได้อนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่วิทยุในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลในการทดลองทดสอบโครงข่ายวิทยุ DAB+ โดยมีสถานีวิทยุภายใต้มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ทำหน้าที่ผลิตและเผยแพร่เนื้อหารายการที่ออกอากาศคู่ขนานกับการออกอากาศในระบบ FM Analog ที่คลื่น 103.25 MHz เป็นต้น

กสทช. ธนพันธุ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญนอกจากเป็นวันสื่อสารแห่งชาติแล้วยังนับเป็นอีกก้าวหนึ่งของกิจการวิทยุกระจายเสียงที่ถือเป็นกิจการสื่อสารสุดท้ายที่ยังคงเป็นระบบ Analog แม้ว่าที่ผ่านมาได้เคยมีการทดลองทดสอบการกระจายเสียงในระบบดิจิทัลมาแล้ว แต่เป็นการดำเนินการโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหาค่ามาตรฐานทางเทคนิคของระบบ DAB+ ที่เหมาะสมกับการกระจายเสียงในประเทศไทย 

แต่ในครั้งนี้เป็นการอนุญาตให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความพร้อมในการพัฒนาโครงข่ายวิทยุดิจิทัล DAB+ เป็นผู้ให้บริการโครงข่าย (Network Service Provider) ตามมาตรฐานที่ทาง กสทช. กำหนด และให้สถานีวิทยุที่ต้องการเป็นผู้ให้บริการเนื้อหารายการ (Content Service Provider) เข้าร่วมกระจายเสียงผ่านผู้ให้บริการโครงข่ายดังกล่าว ซึ่งทางมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ เข้าร่วมด้วย 

อย่างไรก็ตาม หลังจากทำพิธีเปิดได้ทดลองออกอากาศโดยมีผลการรับฟังเป็นไปตามมาตรฐานทางเทคนิคทั้งเครื่องส่งและเครื่องรับตามที่ กสทช.กำหนด รวมทั้งได้ใช้คลื่นความถี่ตามที่ได้รับอนุญาตโดยมีการติดตั้งสายอากาศจำนวน 1 เสาส่ง และจะขยายเป็น 4 เสาส่งเพื่อให้รัศมีการกระจายเสียงครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลตามที่กำหนด และสามารถออกอากาศได้พร้อมกันถึง 18 รายการ (สถานีวิทยุ) ซึ่งปัจจุบันออกอากาศ 1 สถานีคือ สถานี Luangta 

การออกอากาศด้วยระบบดิจิทัลทำให้มีคุณภาพเสียงที่คมชัดปราศจากการรบกวน ประชาชนรับฟังจากเครื่องรับวิทยุดิจิทัลทั้งทางบ้านและในรถยนต์ได้เป็นอย่างดีโดยไม่ต้องจูนหาคลื่นโดยสามารถเลือกรายการผ่านหน้าจอของเครื่องรับที่แสดงชื่อสถานี เช่น Luangta และแสดงผังรายการ หรือข้อมูลต่างๆ ได้ และที่สำคัญหากมีการแจ้งเตือนกรณีมีภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน สามารถแทรกทั้งเนื้อหาที่ออกอากาศหรือข้อความที่แจ้งเตือนได้ทันที 

วิทยุถือเป็นสื่อที่เข้าถึงประชาชนได้สะดวก ไม่มีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสถานี Luangta ถือว่าเป็นการนำ “ความรู้” คู่ “คุณธรรม” สู่ประชาชน และในอนาคตหากมีการขยายโครงข่ายวิทยุดิจิทัลให้รัศมีการกระจายเสียงครอบคลุมได้มากกว่าพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลด้วยการติดตั้งเสาส่งสายอากาศให้ครอบคลุมมากขึ้น จะทำให้สามารถรับฟัง เช่น สถานีวิทยุ Luangta ได้ตลอด โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนหรือจูนหาคลื่นใหม่แต่อย่างใด

ประชาชนที่สนใจสามารถรับวิทยุดิจิทัลได้จากทางมูลนิธิฯฟรี ซึ่งมีราคาประมาณ 300-400 บาท หรือจะหาซื้อเองตามท้องตลาด ส่วนการรับฟังในรถยนต์ส่วนใหญ่รับฟังได้ในรถ EV