posttoday

ไทยส่งออกเซรามิกคราฟต์เครื่องครัวมูลค่าพุ่ง ติดอันดับ 4 ของโลก

04 สิงหาคม 2568

ไทยมีมูลค่าส่งออกเซรามิกคราฟต์สำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัวเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ในปี 2567 ดันดีไซน์ร่วมสมัย เจาะตลาดต่างชาติ

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์เซรามิกและเครื่องครัวชนิดเนื้อดินเผาเป็นสินค้าที่มีบทบาทในภาคอุตสาหกรรม เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจมุ่งสู่อุตสาหกรรมเชิงสร้างสรรค์ ไปสู่เทคโนโลยีความคิดสร้างสรรค์ การสื่อสารการเล่าเรื่องผ่านดีไซน์ และคุณค่าทางวัฒนธรรมให้แก่ผู้บริโภคหลากหลายกลุ่ม ผลิตภัณฑ์เซรามิกนับว่าโดดเด่นในเวทีตลาดโลกมายาวนาน แม้จะผลิตจากวัสดุพื้นฐานไม่สูงอย่างดิน แต่ได้ถูกพัฒนาเป็นมูลค่าสูงเพิ่มและกลายเป็นสินค้าส่งออกไทยที่โดดเด่น ทำให้เซรามิกไม่ใช่แค่เพียงสินค้าหัตถกรรมทั่วไป แต่ยังมีความสำคัญทั้งในฐานะงานศิลปะ (Art) และงานหัตถกรรม (Craft) โดยเฉพาะในกลุ่มเซรามิกใช้บนโต๊ะอาหาร ของตกแต่งบ้านและของใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีกำลังซื้อในตลาดผู้บริโภคและแข็งแรงในเวทีส่งออก
 

จากข้อมูล Global Trade Atlas พบว่าในปี 2024 การส่งออกเซรามิกสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัวทั่วโลก (HS Code 6912) มีมูลค่า 2,354.06 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.84 จากปีก่อนหน้า ประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสูง 3 อันดับแรก ได้แก่ 

  • จีน มูลค่า 579.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 24.63 ของมูลค่าการส่งออกเซรามิกสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัวโลก) 
  • โปรตุเกส มูลค่า 274.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 14.68) 
  • เนเธอร์แลนด์ มูลค่า 170.95 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 7.26) 
  • ขณะที่ไทยถือว่ามีศักยภาพในการส่งออกเซรามิกสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัว จากการมีมูลค่าส่งออกอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลก ด้วยมูลค่า 139.23 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.89 จากปีก่อนหน้า (สัดส่วนร้อยละ 5.91 ของมูลค่าการส่งออกเซรามิกสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัวโลก) 

สหรัฐ-ฟินแลนด์-สหราชอาณาจักรฯ ตลาดหลักไทย 

 

ตลาดส่งออก 3 อันดับแรกของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มูลค่า 39.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 28.13 ของมูลค่าการส่งออกเซรามิกสำหรับใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องครัวของไทย) ฟินแลนด์ มูลค่า 16.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 12.10) และสหราชอาณาจักร มูลค่า 14.96 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สัดส่วนร้อยละ 10.75)

 

นายพูนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เซรามิกไทยจนสามารถเข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคในระดับโลกได้คือการสร้างอัตลักษณ์ผ่านการใช้ทรัพยากรที่ไทยมีอยู่เดิมทั้งความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมไทยและความประณีตในการสร้างสรรค์ในแบบฉบับช่างฝีมือไทยภาษาอเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ความร่วมสมัยและการสื่อสารเชิงคุณค่าเพื่อให้ได้ออกมาเป็นเซรามิกกราฟที่แต่ละชิ้นมีความสวยงามและ ทรงคุณค่าเฉพาะตัว

 

ขณะที่ผู้ประกอบการของไทยที่มีศักยภาพสามารถสร้างแบรนด์สร้างสรรค์และเพิ่มมูลค่างานเซรามิกคราฟต์ให้ยกระดับทรงคุณค่าและมีความเป็นเอกลักษณ์ อาทิ แบรนด์ “TUESCLAY” ใช้เทคนิคการ ฉลุลาย มาทำลายฉลุ บนแก้วเซรามิกโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแสดงหนังใหญ่ของวัดขนอนหนังใหญ่จังหวัดราชบุรีเมื่อใส่กาแฟหรือน้ำแล้วสองผางแสงจะเห็นลวดลายจากเงาที่ฉลุสะท้อนลงบนน้ำสร้างประสบการณ์ในการสัมผัสความงามรูปแบบใหม่ (Aesthetic) ที่ประสานงานหัตถกรรมเข้ากับสุนทรียแห่งแสงและเงาอย่างลงตัว

 

แบรนด์ “KOON” นำดินพื้นบ้านจากชุมชนในจังหวัดขอนแก่น มาสร้างสรรค์เป็นเซรามิกด้วยกระบวนการออกแบบบนดิจิทัล และขึ้นรูปด้วยเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Ceramic Printing) เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของงานเซรามิกกับแบรนด์ของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น และแบรนด์ “ANOTHER CUP” มีเอกลักษณ์ในการสร้างสรรค์เครื่องเคลือบสีขาวน้ำเงินที่ใช้เทคนิคการขูดพื้นผิวด้วยมือแบบชิ้นต่อชิ้นเพื่อสร้างลวดลายที่เกิดจากการตกกระทบของแสงและเงาอย่างมีมิติผสมกับการออกแบบรูปทรงที่คงเว้าเพื่อให้ผู้ชายได้สัมผัสรายละเอียดของพื้นผิวที่ได้จากการขูดลาย

 

นายพูนพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า งานเซรามิกคราฟต์ ถือเป็นสาขาที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาแบรนด์และสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ที่ผู้ประกอบการไทยสามารถนำศิลปะวัฒนธรรมไทยที่ล้ำค่าไปต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เชิงศิลป์ที่มีเรื่องราว (Story-driven Design) และเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจนซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางวัฒนธรรมและความเฉพาะตัวมากกว่าราคาและปริมาณ

 

ทั้งนี้ การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของงานเซรามิกคราฟต์ไทยให้ประสบความสำเร็จในระดับโลก จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลางและภาคเอกชน ทั้งในด้านนโยบาย การสนับสนุนสิทธิบัตรสร้างสรรค์ และการส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อมั่นว่าหากทุกภาคส่วนร่วมมือกัน งานเซรามิกคราฟต์ของไทยจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในตลาดโลกและก้าวสู่การเป็นสินค้าศักยภาพร่วมสมัยที่ทรงพลังแทนงานหัตถกรรมดั้งเดิมอย่างยั่งยืน

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68