posttoday

"AXONS" ดัน AI เสริม ปศุสัตว์ไทย ยกระดับ SME สู่เศรษฐกิจดิจิทัล

24 กรกฎาคม 2568

"AXONS " เผยกลยุทธ์เทคโนโลยีอาหารครบวงจร ชู AI – หุ่นยนต์ – Blockchain หัวใจหลัก ลุยพัฒนาเทคโนโลยีจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ SMEไทยฝ่าวิกฤตการแข่งขันโลก

ในการสัมมนา Thailand SMART SME 2025 หัวข้อ “Smart Solutions & Sustainable Growth” จัดโดย PostToday นายทศพร เพ็ชรโปรี กรรมการบริษัท AXONS ในเครือ CPF เปิดเผยแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร

 

โดยเฉพาะในด้านปศุสัตว์ ที่ในอดีตขาดแคลนการใช้เทคโนโลยีอย่างมาก โดยบริษัท AXONS ก่อตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาโซลูชันอัจฉริยะด้วยตนเอง เพื่อยกระดับการผลิตอาหารสด ที่มีความท้าทายด้านคุณภาพและอายุสินค้า

พัฒนาเทคโนโลยีในระบบอาหารจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ

นายทศพร ระบุว่า AXONS พัฒนาเทคโนโลยีครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ เช่น ฟาร์มและแหล่งปลูกวัตถุดิบ ไปจนถึงปลายน้ำ เช่น ร้านอาหารและแผงตลาด เนื่องจากอาหารสดมีอายุเพียง 5 วัน ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ต้องทิ้งสินค้า เทคโนโลยีจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ

 

4 เทคโนโลยีหลัก ผลักดันสู่ความเป็นผู้นำ

บริษัทมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีหลัก 4 ด้าน ได้แก่

1. หุ่นยนต์อัจฉริยะ – แม้จะนำเข้าแขนกล แต่บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์และระบบ AI สำหรับควบคุมการจับสิ่งของอย่างแม่นยำ เช่น ถุง กล่อง และกระสอบ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทยทั้งหมด


2. AI ด้านสัตวแพทย์ – สร้างแอปฯ "หมูดี" รวบรวมองค์ความรู้สัตวแพทย์ใส่ในระบบ AI ช่วยให้เกษตรกรรายย่อยเข้าถึงข้อมูลการป้องกันโรคสัตว์ตลอด 24 ชั่วโมง แม้ในช่วงกลางดึก


3. Computer Vision + ภูมิสารสนเทศ – ใช้ AI วิเคราะห์ภาพและข้อมูลจากดาวเทียม ผสานกับข้อมูลภาคพื้นดิน เพื่อวางแผนการผลิต เช่น การใส่ปุ๋ย การใช้น้ำในพื้นที่เพาะปลูก


4. พัฒนาเทคโนโลยีร่วมกับพันธมิตร – ทำงานร่วมกับบริษัทระดับโลก เช่น Google, Microsoft, Huawei รวมถึงสตาร์ทอัพไทย เช่น MUI ที่พัฒนา AI ดมกลิ่น ร่วมวิจัยในห้องแล็บของ AXONS หวังต่อยอดสู่เทคโนโลยีระดับโลก

 

ต่อยอดสู่ SME ไทย ผ่านโครงการ “SMEX”

จากการนำเทคโนโลยีมาใช้ในเครือ CPF จนเห็นผล บริษัทได้ต่อยอดสู่ผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะ “เถ้าแก่” ที่เป็นคู่ค้ารายย่อย ทั้งฟาร์ม ร้านค้า และโรงงาน ผ่าน โครงการ SMEX ที่เริ่มต้นเมื่อปีที่ผ่านมา และขยายความร่วมมือในปี 2568 อย่างเป็นทางการ โดยมุ่งหมาย 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่

1. ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพให้ SME

2. เตรียมพร้อมรับมือมาตรการก๊าซเรือนกระจก (Carbon Border Tax)

3. ยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของผู้ประกอบการ

โครงการเหล่านี้ดำเนินการร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ด้านองค์ความรู้), สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ด้านเงินทุน), และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (ด้านการรับรองสิ่งแวดล้อม)

 

เทคโนโลยีเข้าถึงง่ายขึ้น ไม่ต้องมีพื้นฐานไอที

นายทศพร ชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นในปีนี้คือ “AI ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป” เทคโนโลยีพร้อมใช้มากขึ้น ใช้งานผ่านภาษาไทยได้ทันที ไม่ต้องมีทีมไอทีเฉพาะด้านเหมือนในอดีต และต้นทุนการเข้าถึงเทคโนโลยีถูกลงอย่างมาก

 

ตัวอย่าง SME ที่เข้าร่วมโครงการและนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างได้ผล เช่น

- ฟาร์มหมูและกุ้งใช้กล้อง AI วัดจำนวนและน้ำหนัก

- ร้านค้าใช้กล้องวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า เช่น จุดที่ยืนดูนานแต่ไม่ซื้อ เพื่อปรับราคาและกลยุทธ์

- ธุรกิจข้าวมันไก่ใช้ AI ตรวจสอบจำนวนไก่ที่เสิร์ฟในแต่ละจาน

- โรงงาน SME ขอระบบ AI วิเคราะห์ประวัติซ่อมเครื่องจักร

- ร้านค้าต้องการนำแชทไลน์ลูกค้ามาวิเคราะห์ด้วย AI เพื่อเข้าใจพฤติกรรมการซื้อ


 SME คือเสาหลักเศรษฐกิจไทย

นายทศพรย้ำว่า CPF มอง SME เป็นกำลังสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มี SME กว่า 3 ล้านราย จ้างงานมากกว่า 12 ล้านคน เมื่อเทียบกับการจ้างงานโดย CPF ใน 17 ประเทศซึ่งมีพนักงาน 4 แสนคน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทขนาดใหญ่จะต้องมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตของ SME ผ่านความร่วมมือและการถ่ายทอดเทคโนโลยี

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"