“ข้าวปลาวาฬ” พลิกโฉมวงการข้าว อิ่มแบบไม่รู้สึกผิด ตั้งเป้าโต 20 ล้าน

“ลองหลับตาแล้วนึกดูครับว่า วันสุดท้ายที่คุณไม่ได้กินข้าว...คือวันไหน?” คำถามง่าย ๆ ที่ชวนสะดุดหูจาก พีรพงศ์ จิตต์วิวัฒน์ ซีอีโอ บริษัท เนรมิต ฟู้ด เทค จำกัด เจ้าของแบรนด์ ข้าวปลาวาฬ กับสินค้า "ข้าวไร้แป้ง" ของชายหนุ่มจากสายเทคโนโลยี ที่ตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางชีวิต หันมาทุ่มเทให้กับสิ่งที่หลายคนมองข้ามไปในชีวิตประจำวัน นั่นคือ "ข้าว"

ที่ไม่เพียงคนไทยเท่านั้นที่รับประทาน แต่คนในเอเซียและตะวันออกกลางต่างก็นิยมกินข้าว และเริ่มมีกระแสรักสุขภาพในการลดการรับประทานข้าวเพราะปัญหาเรื่องแป้งและน้ำตาล เพราะทุกครั้งที่คนจะลดอาหาร แป้ง หรือ ข้าว จะถูกลดก่อนเสมอ

ข้าวปลาวาฬ ไม่ใช่ข้าวธรรมดา เหมือนกับวาฬ ที่ไม่ใช่ปลา 

“เราตั้งใจจะสร้าง ‘ข้าวที่ไม่ใช่ข้าว’ เพื่อให้คนที่ต้องเลี่ยงแป้ง เลี่ยงน้ำตาล ยังสามารถกินข้าวได้ทุกวัน โดยไม่รู้สึกผิด”  พีรพงศ์ เล่า พร้อมเริ่มต้นไล่เรียงที่มาของ ข้าวปลาวาฬ ว่า ก่อนจะมาเป็นนักนวัตกรรมอาหาร เขาทำงานในวงการเทคโนโลยี มาก่อน แต่กลับเห็น Pain Point ของคนใกล้ตัวที่น้ำหนักเกิน ต้องการลดแป้ง หันไปกินอาหารคลีน แต่มักบ่นเสมอว่า ไม่อร่อย ทำให้เกิดคำถาม ‘ทำไมต้องอด?’ และ ทำไมคนดูแลสุขภาพถึงต้องทนหิว หรือ ต้องกินอะไรที่ไม่อร่อย? และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการวิจัย “ข้าวไร้แป้ง” ที่ใช้เวลายาวนานถึง 3 ปี

ไฟเบอร์สาหร่าย-ปลาน้ำจืด แต่ได้ฟิลเหมือนกินข้าว

คำถามคือ ทำงานสายเทคมาก่อน ทำไมถึงคิดค้นนวัตกรรมข้าวไร้แป้งจนนำไปจดอนุสิทธิบัตรได้ พีรพงศ์ เล่าว่า เพราะมีทีมที่ดี บวกกับความตั้งใจในการค้นคว้าหาความรู้ ทำให้ใช้เวลาในการทดลอง ลองผิด ลองถูก มาเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งส่วนผสมของ ข้าวไร้แป้ง ที่มีหน้าตา และรสสัมผัสเหมือนข้าวนั้น ทำมาจาก ไฟเบอร์สาหร่ายสีน้ำตาล และ โปรตีนสกัดจากปลาน้ำจืด ให้พลังงาน 19 แคลอรี่ ไฟเบอร์ 10 กรัม โปรตีน 5 กรัม ไม่มีคาร์บ ไม่มีไขมัน และไม่มีน้ำตาล

หน้าตาและรสสัมผัสเหมือนข้าว แต่ไม่ใช่ข้าว

ไม่ได้ทำแค่อาหาร แต่กำลังแก้ปัญหาใหญ่ในระบบสุขภาพ

ข้าวปลาวาฬ เริ่มเป็นกระแสในโลกออนไลน์ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นั่นคือสิ่งที่ พีรพงศ์ ตั้งใจเล่าเรื่องราวของ ข้าวปลาวาฬ ในตลาดออนไลน์เพื่อเช็คกระแสความต้องการของตลาดก่อนลงสนามจริงในตลาดใหญ่และพร้อมก้าวสู่ตลาดระดับโลก

พีรพงศ์ บอกว่า ตอนที่เป็นกระแสในโซเชียล ข้าวปลาวาฬ ได้รับการตอบรับจากตลาดดีเกินคาด ทั้งๆที่กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ในโลกออนไลน์ คือ กลุ่มคนอายุน้อย ทำให้ขาดตลาด นั่นแสดงให้เห็นว่า เขามาถูกทาง จากนั้นเขาจึงต่อยอดด้วยการนำสินค้าเข้าไปทำตลาดกับกลุ่มรักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล หรือ ร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านนับแคล เลมอนฟาร์ม รวมถึงโมเดิร์นเทรดอย่าง วิลล่า และทีวีไดเร็ค เป็นต้น

ข้อดีของ ข้าวปลาวาฬ คือ เป็นอาหารพร้อมกิน สามารถฉีกซองแล้วกินได้ทันที พกพาสะดวก ไม่ต้องอุ่น ซึ่งกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ อายุ 40 ขึ้นไป เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ จึงไม่ได้คำนึงถึงราคาก่อนซื้อ

อีกกลุ่มตลาดที่น่าสนใจคือ ตลาดทำบุญ เช่น การทำบุญกับพระ เพราะทุกวันนี้พระเป็นเบาหวานกันมาก หรือ การบริจาคให้คนในพื้นที่วิกฤต เช่น น้ำท่วม เพราะ ข้าวปลาวาฬ เป็นข้าวพร้อมรับประทานเก็บได้นาน ไม่ได้หาหม้อหุงข้าว หรือ ไฟฟ้าในการอุ่น ก็สามารถรับประทานได้เลย

พีรพงศ์ จิตต์วิวัฒน์ เจ้าของแบรนด์ ข้าวปลาวาฬ

นอกจากนี้ เขายังตั้งใจ นำ  ข้าวปลาวาฬ บุกตลาดโลกด้วย โดยเริ่มต้นที่ประเทศในแถบเอเชียที่รับประทานข้าวเป็นอาหารหลักเหมือนคนไทย หรือ แม้แต่ตะวันออกกลาง ที่รับประทานข้าว ซึ่งเขาเห็นโอกาสว่าเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่มีภาษีข้าวแพง แต่นี่ ไม่ใช่ข้าว ทำให้สามารถทำตลาดได้ดีกว่า ทำให้เขามั่นใจว่า ในปีนี้บริษัทจะมียอดขายอยู่ที่ 20 ล้านบาท ได้ไม่ยาก แม้จะเป็นปีแรกในการทำตลาดก็ตาม

อนาคต ‘เนรมิต ฟู้ด เทค’ ต้องเป็นฮับสุขภาพ

บริษัทเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “เนรมิต” มีวิสัยทัศน์ชัดเจน คือ จะเป็น Food Tech ของไทยที่ไม่แค่ขายของ แต่คิดจาก Insight ของผู้บริโภค พัฒนาอาหารเพื่อคนที่ต้องการกิน “อร่อยและสุขภาพดี” ไปพร้อมกัน ซึ่งเขามีความตั้งใจในการเป็นศูนย์รวมของอาหารสุขภาพที่นำทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกัน เพราะนอกจาก ข้าวไร้แป้ง แล้ว เขายังมีแผนนำพืชเกษตรอื่นๆมาทำผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย เช่น  เส้นหมี่ไร้แป้ง โจ๊ก และพาสต้า 

ในวันที่สุขภาพเป็นเรื่องใหญ่ และอาหารคือยา "ข้าวปลาวาฬ" กำลังพิสูจน์ว่า นวัตกรรมอาหารจากใจคนธรรมดา สามารถเปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริง สร้างโมเดลใหม่ของอาหารอนาคต ด้วยแนวคิดง่าย ๆ “อาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ต้องจำใจกิน แต่ต้องอร่อยด้วย”