ตลาดกาแฟ โตสวนเศรษฐกิจ ราคาต่ำกว่าร้อยขายดี ส่วนร้านอาหารซบเซา
แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ร้านกาแฟยังโตต่อ โดยเฉพาะกลุ่ม Specialty ราคาต่ำกว่าร้อยที่ยอดขายพุ่งแรง ในกรุงเทพฯ ยอดขายร้านกาแฟเดิมโตถึง 46% ส่วนต่างจังหวัดโต 19%
แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ร้านกาแฟยังไปต่อได้ดี โดยเฉพาะกลุ่ม Affordable Specialty Coffee หรือกาแฟพรีเมียมราคาต่ำกว่าร้อย ที่กลายเป็นเซกเมนต์เติบโตเร็วที่สุดของตลาดกาแฟในไทย
นายยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารไลน์แมน วงใน (LINE MAN Wongnai) เผยในงาน Thailand Coffee Fest 2025 ว่า ในขณะที่ยอดขายร้านอาหารโดยรวมลดลง -14% จากผลกระทบเศรษฐกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้น ตลาดร้านกาแฟกลับโตสวนทาง โดยยอดขายหน้าร้าน (Same Store Sales) ของร้านกาแฟยังบวก +5% เมื่อเทียบปีต่อปี
- กาแฟ Specialty ราคาไม่ถึงร้อยขายดี
ร้านกาแฟกลุ่ม Specialty ที่ขายกาแฟคุณภาพดีในราคาจับต้องได้ (ต่ำกว่า 100 บาท/บิล) มียอดขายพุ่งขึ้นชัดเจน โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยอดขายร้านเดิมโตถึง +46% ขณะที่ต่างจังหวัดโต +19% สะท้อนเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหา “ของดี ราคาเข้าถึงได้” มากกว่าความหรูหรา
แม้จำนวนร้านกาแฟเปิดใหม่ในครึ่งปีแรกจะลดลงจาก 7,000 ร้านในปีที่แล้ว เหลือ 5,000 ร้านในปีนี้ แต่ร้านกาแฟยังมีอัตราการอยู่รอดสูงกว่าร้านอาหารทั่วไป โดยมีอัตราปิดตัวในปีแรกเพียง 43% เทียบกับร้านอาหารที่ปิดตัวถึง 50% เหมือนว่าถึงแม้ว่าเศรษฐกิจไม่ดี แต่กาแฟเป็นเครื่องดื่มแบบ Functional ที่คนกินทุกวัน และกินมากขึ้นทั่วโลก
จึงเป็นเหตุที่ทำให้ร้านกาแฟแบบ Chain ที่ขายกาแฟราคาไม่แพง เช่น Amazon มียอดขายดีมาก (เป็นอันดับ 1 บน LINE MAN) และสำหรับ SME ที่ทำ Non-chain ยอดขายส่วนใหญ่มาจาก Specialty Coffee โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มียอดขาย Specialty Coffee ถึงกว่า 60% (โดยเกณฑ์สำหรับ specialty ขอใช้เป็นแบบง่ายๆว่ามีเมล็ดกาแฟให้เลือกมากกว่าหนึ่งชนิด)
- Specialty Coffee แซงกาแฟทั่วไป
ข้อมูลจาก LINE MAN Wongnai ระบุว่า Specialty Coffee มีสัดส่วนยอดขายสูงกว่ากาแฟทั่วไป โดยคิดเป็น 56% ของตลาดทั่วประเทศ และมากถึง 66% ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล โดยร้านกาแฟ Non-chain หลายรายเน้นกลุ่มนี้เป็นหลัก ด้วยการใช้เมล็ดกาแฟหลากหลายสายพันธุ์ให้ลูกค้าเลือก
Matcha ก็แรง แต่แข่งดุ
อีกหนึ่งเมนูที่มาแรงคือมัทฉะ ยอดขายโต +28% ในปีที่ผ่านมา แต่การแข่งขันก็รุนแรงตามไปด้วย เพราะมีจำนวนร้านเพิ่มจาก 9,600 ร้านในไตรมาส 2 ปีที่แล้ว เป็น 12,400 ร้านในปีนี้
เทคโนโลยีช่วยขับเคลื่อนยอดขาย
นอกจากคุณภาพและราคาแล้ว “เทคโนโลยี” กลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของความอยู่รอดในธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มยุคใหม่:
- เดลิเวอรี: 22% ของยอดขายร้านกาแฟใน LINE MAN มาจากช่องทางเดลิเวอรี และยอดขายเติบโตขึ้น 23% จากปีก่อน
- Digital Payment: ลูกค้าที่จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลมีสัดส่วนเกินครึ่ง และมีค่าเฉลี่ยยอดใช้จ่ายสูงกว่าลูกค้าเงินสดถึง 32% โดยกลุ่มบัตรเครดิตเป็นกลุ่มที่จ่ายต่อบิลสูงสุด
- Digital Ordering: การสั่งอาหารผ่าน QR Code ที่โต๊ะช่วยเพิ่มยอดสั่งต่อบิลได้ถึง 37% โดยไม่ต้องรอคิวที่เคาน์เตอร์
โดยสรุปแล้ว แม้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่กาแฟยัง “รอด” ได้ เพราะกลายเป็นเครื่องดื่มที่มีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยเฉพาะในรูปแบบ Affordable Specialty Coffee ที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและราคา และหากจับคู่กับกลยุทธ์ด้านเทคโนโลยีอย่างถูกจุด ก็ยิ่งมีโอกาสเติบโตในยุคนี้


