SME นวัตกรรม รอดบ่วง “ภาษีทรัมป์” ชี้ตลาดตะวันออกกลาง อ้าแขนรับ
พิษภาษีทรัมป์ไม่กระทบ SME นวัตกรรม โอกาสตลาดตะวันออกกลาง กำลังซื้อสูง สสว.เตรียมอุ้มดอกเบี้ย แนะเร่งระบายสินค้าก่อน ส.ค.68 ด้าน NIA เผย สินค้าสุขภาพ เกษตรแปรรูป คือเทรนด์มูลค่าสูง
นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยกับ โพสต์ทูเดย์ ว่า กรณีภาษีทรัมป์ 36% ที่จะเก็บจากประเทศไทย เริ่ม ส.ค. 2568 นั้น ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขอให้ SME รีบระบายของที่กำลังจะส่งไปสหรัฐอเมริกาให้เร็วที่สุด
ขณะที่ สสว.เอง กำลังหาคนทางช่วยเหลือ หรือ เยียวยา SME ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว ทั้งการหาตลาดใหม่ โดยเฉพาะตลาดในตะวันออกกลาง หรือแถบแอฟริกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง รวมถึงการอุ้มดอกเบี้ยให้ SME ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
คาดว่าจะมี SME ที่ได้รับผลกระทบประมาณ 3,700 ราย ซึ่งหากเป็นอาหาร ก็ขอให้เร่งระบาย จากนั้นค่อยมาวางแผนกันใหม่
ด้าน นางสาวกริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยกับ โพสต์ทูเดย์ ว่า แม้ SME ไทยจะส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นจำนวนมาก แต่ในภาวะที่เผชิญกับกำแพงภาษีสูงถึง 36% ผู้ประกอบการควรมองหา “ตลาดใหม่” ที่พร้อมรองรับสินค้าจากไทยมากขึ้น
ซาอุดิอาระเบียถือเป็นตลาดศักยภาพสูง เปิดประเทศ เปิดสัมพันธ์ พร้อมรองรับทั้งสินค้าและนวัตกรรมจากไทย เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศอาเซียนที่ยังมีช่องว่างอีกมาก โดยเฉพาะสินค้าเฟอร์นิเจอร์ อาหาร เกษตร และสุขภาพ ซึ่งไทยยังมีความสามารถในการแข่งขัน
ทั้งนี้ ปัญหาใหญ่ของ SME ไทยไม่ใช่แค่เรื่องกำแพงภาษี แต่อยู่ที่ความสามารถในการปรับตัว หากยังคงพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ เพียงแห่งเดียว ย่อมเผชิญความเสี่ยงสูง ดังนั้นการกระจายตลาดเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดย SME หันมาใช้นวัตกรรมเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มอัตรากำไร แม้ต้นทุนภาษีจะสูงขึ้นก็ยังสามารถแข่งขันในตลาดได้ หากสินค้ามีคุณภาพจริง
นวัตกรรมสามารถช่วยลดต้นทุนได้ในหลายมิติ ทั้งในกระบวนการผลิต การจัดการซัพพลายเชน หรือแม้กระทั่งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ตลาด นี่คือสิ่งที่หน่วยงานรัฐพร้อมจะช่วยสนับสนุน ถ้าสินค้าเราดีจริง ต่อให้เขาขึ้นภาษี คนที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเหล่านั้น ก็คือผู้บริโภคของสหรัฐอเมริกาเอง
NIA ยืนยันความพร้อมสนับสนุนเอสเอ็มอีไทยที่ต้องการต่อยอดธุรกิจด้วยนวัตกรรม และขยายตลาดออกสู่ภูมิภาคใหม่ๆ โดยมองว่าในภาวะโลกเปลี่ยน การบริหารความเสี่ยงคือหัวใจสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยต้องเรียนรู้และลงมือทำทันที